“ธีระชัย” โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุไม่เห็นด้วยรัฐบาลผลักดันเงินกู้ 2.2 ล้านล้านให้อยู่นอกงบประมาณ ชี้ไม่มีเหตุผลในการหลบเลี่ยง แถมเสี่ยงต่อการหละหลวม และไม่จำเป็น แต่หากเป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉินก็อาจจะพอรับได้
นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “Thirachai Phuvanatnaranubala” เมื่อวันที่ 10 มี.ค. แสดงความเห็นกรณีรัฐบาลเตรียมจะกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาท เพื่อลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยระบุว่า
มีผู้สื่อข่าวสอบถามผมว่ามีความเห็นกรณีที่รัฐบาลจะกู้เงิน 2.2 ล้านล้านบาทอย่างไร
1.ผมไม่คัดค้านที่จะมีการลงทุนพัฒนาประเทศ แต่ไม่เห็นด้วยกับวิธีการออกเป็นกฎหมาย เพื่อให้อยู่นอกระบบงบประมาณ
2.รัฐธรรมนูญกำหนดช่องทางที่รัฐบาลจะใช้เงินไว้ดีแล้ว โดยให้ทำผ่านกระบวนการงบประมาณ ซึ่งมีทั้งงบประจำ และงบลงทุน โดยจะผูกพันงบข้ามไปกี่ปีก็ได้
3.ขั้นตอนการตั้งงบลงทุนในงบประมาณนั้น เริ่มที่กระทรวงที่จะเสนอโครงการ แล้วส่งให้สภาพัฒน์พิจารณาในแง่ความคุ้มค่าของโครงการ ซึ่งจะพิจารณากันตามลำดับชั้น เริ่มจากระดับเจ้าหน้าที่ทำการศึกษาละเอียด แล้วจึงกลั่นกรองเสนอผู้บังคับบัญชา จึงมีความรอบคอบ
4.เมื่อผ่านสภาพัฒน์แล้ว สำนักงบประมาณก็จะพิจารณาในแง่งบประมาณอีกชั้นหนึ่ง หากเห็นว่ามีการซ่อน หรือแฝงรายการที่แปลกปลอมเข้ามา ก็จะท้วงติงตัดออกไป ขั้นตอนการพิจารณาก็จะทำจากระดับเจ้าหน้าที่ มีการศึกษาละเอียดเช่นเดียวกับสภาพัฒน์ จึงมีการพิจารณาโดย 2 หน่วยงานนี้อย่างรอบคอบ จากระดับเจ้าหน้าที่ขึ้นตามลำดับชั้น
5.แต่กรณีนอกงบประมาณนั้น การดำเนินงานที่ผ่านมาทั้งกรณีรัฐบาลก่อน และรัฐบาลนี้ ล้วนใช้วิธีตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจขึ้นมา เพื่อกลั่นกรองนำเสนอคณะรัฐมนตรี โดยไม่ผ่าน 2 หน่วยงานหลักดังกล่าว
6.ถึงแม้คณะกรรมการเฉพาะกิจดังกล่าว จะมีผู้บริหารระดับสูงของสภาพัฒน์ กับสำนักงบประมาณนั่งเป็นกรรมการร่วมอยู่ด้วยก็ตาม แต่การพิจารณาเรื่องที่เสนอให้ตัดสินใจในที่ประชุม ย่อมไม่สามารถมีการพิจารณาให้รอบคอบถี่ถ้วนได้ดีเท่ากับการทำงานตามลำดับชั้นในแต่ละองค์กร
7.การพิจารณานอกกระบวนการงบประมาณด้วยกระบวนการที่ลดขั้นตอน ทำให้การอนุมัติโครงการทำได้เร็วขึ้นก็จริง แต่มีความเสี่ยงต่อการหละหลวมมากขึ้น เพราะเดิมแต่ละองค์กรต้องรับผิดชอบการพิจารณาให้ครบถ้วนสมบูรณ์แบบเต็มๆ เปลี่ยนเป็นรับผิดชอบกันเป็นคณะ
8.หากเป็นเรื่องเร่งด่วนฉุกเฉินก็อาจจะพอรับได้ แต่การลงทุน 2.2 ล้านล้านบาท ไม่ใช่เรื่องฉุกเฉิน จึงไม่มีเหตุผลที่จะหลบเลี่ยงกระบวนการงบประมาณแต่อย่างใดครับ