xs
xsm
sm
md
lg

SRICHA เน้นงานมาร์จิ้นสูงดันกำไรโต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ศรีราชาคอนสตรัคชั่น คาดรายได้รวมปีนี้ขั้นต่ำ 2.4 พันล้านบาท พร้อมตั้งเป้ากำไรสุทธิเติบโตปีละ 20-25% ด้วยการเลือกงานมาร์จิ้นสูง ผู้บริหารแจงเตรียมโรดโชว์สิงคโปร์ 22 มี.ค.นี้ ไปกับตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะบอร์ดบริษัทอนุมัติจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลัง 55 อัตรา 1.50 บาทต่อหุ้น

นายกฤษฎา โพธิสมภรณ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA ซึ่งประกอบธุรกิจธุรกิจรับเหมาก่อสร้างโลหะในโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ (Mechanical Construction) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่ารายได้ปีนี้ขั้นต่ำ 2,400 ล้านบาท เนื่องจากมีงานในมือที่จะรับรู้ปีนี้ และอยู่ระหว่างเจรจารับงานโครงการในและต่างประเทศปัจจุบันมีอยู่ 7 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท โดยบริษัทจะเลือกรับงานที่มีอัตรากำไรสุทธิ (เน็ตมาร์จิ้น) สูง และพยายามรักษาเน็ตมาร์จิ้นแต่ละปีเฉลี่ยขั้นต่ำที่ 30-35% และบริษัทตั้งเป้าการเติบโตของกำไรสุทธิปีละ 20-25%

ทั้งนี้ 7 โครงการที่อยู่ระหว่างเจรจานั้น ประกอบด้วย 3 โครงการ โครงการแรกเป็นงานโครงเหล็กที่ผลิตในไทยนำไปประกอบในต่างประเทศ มูลค่า 1 พันล้านบาท 1 โครงการ และอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 2 พันล้านบาท โครงการที่ทำในประเทศอีก 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 2 พันล้านบาท และโครงการในต่างประเทศมี 2 โครงการ คือ ผลิตติดตั้งโครงสร้างเหล็ก และเครื่องจักรที่เหมืองทองคำในแอฟริกา และเหมืองแร่ทองแดงที่ปานามา มูลค่าโครงการละ 3 พันล้านบาท

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 1/56 บริษัทคาดว่ารายได้ และกำไรสุทธิจะต่ำกว่าปี 2555 เนื่องจากเป็นช่วงที่บริษัทรับงานใหม่ ทำให้ช่วงต้นผลประกอบการจะไม่ดี แต่เมื่อเริ่มส่งมอบงานช่วงไตรมาส 2 และ 3 แล้ว จะทำให้รายได้ปีนี้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยปีนี้บริษัทมีแผนใช้เงินลงทุน 200 ล้านบาท ในการสร้างโรงงาน และขยายกำลังการผลิต โดยมาจากกระแสเงินสดของบริษัท ซึ่งเงินระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) 1,000 ล้านบาท นั้นบริษัทใช้ไปเพียง 100 ล้านบาท

นายฉัตรมงคล เขมาภิรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ศรีราชาคอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SRICHA กล่าวว่า วันที่ 22 มีนาคม บริษัทจะไปนำเสนอข้อมูล (โรดโชว์) แก่นักลงทุนต่างประเทศ ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยจะไปกับทางตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ส่วนหุ้นติดไซเรนต์พีเรียดนั้น ปัจจุบันสามารถขายได้แล้ว แต่ผู้ถือหุ้นเดิมตกลงกันว่าจะไม่ขายหุ้นออกมา เพราะบริษัทจ่ายเงินปันผลที่สูงไม่ต่ำกว่า50% ซึ่งผลประกอบการปี 2555 มีการจ่าย 75% ของกำไรสุทธิ ทำให้ภายหลังการจ่ายเงินปันผลแล้วบริษัทยังมีกำไรสะสมอยู่ 300-400 ล้านบาท

“อย่างไรก็ตาม บริษัทมองว่าธุรกิจของบริษัทยังไม่อิ่มตัวแม้จากเศรษฐกิจโลกไม่มีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ไม่ดีก็จะไม่มีผล เพราะโครงงานดังกล่าวจำเป็นต้องลงทุนในการปรับปรุง หรือเพิ่มกำลังผลิต หรือแม้แต่เหมืองต่างๆ เมื่อได้รับสัมปทานมาก็จำเป็นที่จะต้องลงทุน และจากการที่บริษัทมีกระแสเงินสดสูง 1 พันล้านบาทนั้น บริษัทไม่มีแผนที่จะนำไปลงทุนในธุรกิจอื่น แต่จะนำมาจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นให้มากที่สุด” นายฉัตรมงคลกล่าว

สำหรับปี 2555 บริษัทมีรายได้รวม 2,146.86 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,037.15 ล้านบาท ซึ่งปรับตัวลดลงจากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 2,88.95 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 1,117.98 ล้านบาท เนื่องจาก เป็นช่วงที่งานที่บริษัทรับไว้ทำเสร็จแล้ว และอยู่ในช่วงรับงานใหม่ ซึ่งเป็นเรื่องปกติ เพราะธุรกิจของบริษัทเป็นวัฏจักรแบบนี้เป็นปกติ แต่ในช่วง 2 ปีนี้ เป็นช่วงที่ธุรกิจมีการเติบโตแล้ว และบริษัทมีการจ่ายเงินปันผลงวดผลประกอบการครึ่งปีหลัง 2555 ในอัตรา 1.50 บาท กำหนดจ่ายวันที่ 9 พฤษภาคม 2556


กำลังโหลดความคิดเห็น