ทิสโก้ยันยังไม่พบปัญหาหนี้เสียจากโครงการรถคันแรก หลังเริ่มทยอยคืนภาษีล็อตแรก ระบุมีเกณฑ์ที่รอบคอบ และสัดส่วนเงินดาวน์อยู่ในระดับสูง 20% แต่ที่น่าจับตาเป็นกลุ่มที่มีเงินดาวน์ต่ำอาจมีแนวโน้มทิ้งรถได้
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO)กล่าวว่า คุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปัจจุบัน ยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ ยังไม่เห็นสัญญาณหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งในส่วนของเช่าซื้อรถปกติ และรถยนต์จากโครงการรถคันแรก ซึ่งธนาคารมียอดปล่อยกู้ประมาณ 8-9 หมื่นคัน โดยจะเป็นการทยอยปล่อยกู้ไปตามจำนวนรถที่ออกมา
“แม้ว่าตอนนี้โครงการรถคันแรกจะเริ่มทยอยคืนภาษีไปบ้างแล้ว แต่เท่าที่ดูในส่วนของธนาคารเองไม่มีสัญญาณว่าจะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีมากนักที่จะกลายมาเป็นหนี้เสีย เพราะเมื่อผ่อนไปได้ครบตามที่ทางการกำหนดไว้บวกกับเงินดาวน์ที่ธนาคารกำหนดไว้ 20% จำนวนเงินที่ผ่อนไปแล้วก็ไม่น่าจะทิ้งรถแล้ว เนื่องจากราคารถจากโครงการดังกล่าวก็ไม่สูงนัก แต่ธนาคารเองก็จับตาดูสัญญาณต่างๆ อยู่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน หรือภาวะเศรษฐกิจโดยรวม”
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า รถในโครงการรถคันแรกของทางการที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาน่าจะมาจากกลุ่มที่ซื้อโดยใช้เงินดาวน์ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนเงินที่ต้องกู้อยู่ค่อนข้างมาก ตรงนี้น่าจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียได้ เนื่องจากในช่วงที่การแข่งขันสูง สถาบันการเงินบางแห่งก็เรียกเงินดาวน์ในอัตราที่ต่ำ เพื่อหวังเพิ่มยอดปล่อยกู้ ในกลุ่มนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังว่าจะมีการทิ้งรถหลังจากได้สิทธิประโยชน์แล้ว
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) (TISCO)กล่าวว่า คุณภาพสินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารในปัจจุบัน ยังมีคุณภาพที่ดีอยู่ ยังไม่เห็นสัญญาณหนี้เสียที่จะเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด ทั้งในส่วนของเช่าซื้อรถปกติ และรถยนต์จากโครงการรถคันแรก ซึ่งธนาคารมียอดปล่อยกู้ประมาณ 8-9 หมื่นคัน โดยจะเป็นการทยอยปล่อยกู้ไปตามจำนวนรถที่ออกมา
“แม้ว่าตอนนี้โครงการรถคันแรกจะเริ่มทยอยคืนภาษีไปบ้างแล้ว แต่เท่าที่ดูในส่วนของธนาคารเองไม่มีสัญญาณว่าจะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น ซึ่งโดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีมากนักที่จะกลายมาเป็นหนี้เสีย เพราะเมื่อผ่อนไปได้ครบตามที่ทางการกำหนดไว้บวกกับเงินดาวน์ที่ธนาคารกำหนดไว้ 20% จำนวนเงินที่ผ่อนไปแล้วก็ไม่น่าจะทิ้งรถแล้ว เนื่องจากราคารถจากโครงการดังกล่าวก็ไม่สูงนัก แต่ธนาคารเองก็จับตาดูสัญญาณต่างๆ อยู่ต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน หรือภาวะเศรษฐกิจโดยรวม”
นายสุทัศน์ กล่าวอีกว่า รถในโครงการรถคันแรกของทางการที่มีแนวโน้มที่จะเกิดปัญหาน่าจะมาจากกลุ่มที่ซื้อโดยใช้เงินดาวน์ในอัตราที่ต่ำ ซึ่งจะทำให้มีสัดส่วนเงินที่ต้องกู้อยู่ค่อนข้างมาก ตรงนี้น่าจะทำให้เกิดปัญหาหนี้เสียได้ เนื่องจากในช่วงที่การแข่งขันสูง สถาบันการเงินบางแห่งก็เรียกเงินดาวน์ในอัตราที่ต่ำ เพื่อหวังเพิ่มยอดปล่อยกู้ ในกลุ่มนี้เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังว่าจะมีการทิ้งรถหลังจากได้สิทธิประโยชน์แล้ว
