ทิสโก้แจงแผนบริหารเงินทุน ออก TSR 72.9 ล้านหุ้น ราคาใช้สิทธิ 24 บาท อิงอัตราจ่ายปันผลหุ้นละ 2.40 บาท ระบุเป็นการเสนอทางเลือกผู้ถือหุ้นใช้เงินปันผลแลกหุ้นเพิ่มทุน หรือรับเป็นเงินปันผล และลดความผันผวนต่อราคาหุ้น เผยหากรายย่อยใช้สิทธิไม่เต็มมีรายใหญ่รอซื้อส่วนที่เหลืออยู่แล้ว
นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ เปิดเผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริษัททิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2556 ได้มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรจากผลประกอบการเป็นเงินปันผล ในอัตราหุ้นละ 2.40 บาท คิดเป็นเงินปันผลรวม 1,747 ล้านบาท พร้อมกันนั้น ได้อนุมัติการออกใบแสดงสิทธิในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุน (Transferable Subscription Right : TSR) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 10 หุ้นเดิมต่อ 1 TSR ในราคา 24 บาท โดยมีจำนวนหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลทั้งสิ้น 729 ล้านหุ้น ดังนั้น จะมีจำนวนหุ้นเพิ่มทุนจากการใช้สิทธิตาม TSR รวม 72.9 ล้านหุ้น ราคาใช้สิทธิ 24 บาท รวมจำนวนเงินเพิ่มทุน 1,747 ล้านบาท โดยบริษัทกำหนดให้ราคาใช้สิทธิเพิ่มทุน มีจำนวนเท่ากับเงินปันผลที่ได้รับ เพื่อเป็นการลดภาระของผู้ถือหุ้น จากราคาหุ้นของธนาคารปัจจุบันที่อยู่ในระดับประมาณ 50 บาท ทั้งนี้ แนวทางดังกล่าวจะนำเสนอต่อผู้ถือหุ้นของธนาคารอนุมัติในการประชุมวันที่ 25 เมษายนนี้
“เรายังเห็นโอกาสที่จะโตได้อีกมากในช่วง 3 ปีข้างหน่า จึงต้องมีแนวทางบริหารเงินกองทุนเพื่อรองรับการเติบโตดังกล่าว ซึ่งเราจะเลือกการลดจ่ายเงินปันผลที่จ่ายอยู่ในอัตรา 47% ซึ่งสูงกว่าระบบที่มีอัตราจ่ายปันผลเฉลี่ย 25% ก็ได้ แต่ทางกลุ่มคำนึงถึงประโยชน์ของผู้ถือหุ้นเป็นหลัก และพยายามรักษาผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้น (ROE) ที่อยู่ในระดับสูงที่ 20-21% จึงออก TSR เพื่อให้ทางเลือกแก่ผู้ถือหุ้นว่าต้องการรับเงินปันผล หรือรับเป็นหุ้นเพิ่มทุน และหากผู้ถือต้องการรับเป็นเงืนปันผล ก็สามารถนำ TSR ไปขายสิทธิต่อได้ ก็จะได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้นอีก และหากมีผู้ถือหุ้นใช้สิทธิแลกหุ้นไม่ครบ ก็ได้มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของธนาคารแจ้งความจำนงที่จะซื้อหุ้นส่วนที่เหลืออยู่แล้ว จึงน่าจะได้จำนวนเงินครบตามที่ตั้งไว้ โดยธนาคารจะมีกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 25 พ.ค. และ TSR ดังกล่าวจะเริ่มเทรดได้ประมาณปลายเดือน พ.ค.นี้”
ทั้งนี้ ภายหลังการบริหารเงินกองทุนตามแผนดังกล่าวแล้ว ในปี 2556 กลุ่มทิสโก้จะมีเงืนกองทุนรวมที่ 13.68% เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในสัดส่วน 9.38% จากปี 2555 ที่มีเงินกองทุน 13.24% เป็นเงินกองทุนขั้นที่ 1 ในสัดส่วน 9.03% ขณะที่ประมาณการสินเชื่อในปี 2556 จะมียอดคงค้าง 293,012 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 15-20%
“ในอดีตมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพิ่มทุนด้วยวิธีการเดียวกันนี้ ซึ่งเราพบว่า TSR เป็นเครื่องมือที่ลดความผันผวนของราคาหุ้นที่มาจากการประกาศเพิ่มทุน และลดผลกระทบด้าน Dilution Effect เป็นอย่างดี เพราะผู้ถือหุ้นเดิมหากไม่ต้องการเพิ่มทุน ก็สามารถได้รับชดเชย Dilution จากผลตอบแทนที่จะได้รับจากการขายสิทธิ TSR ในตลาดฯ และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ต้องการลงทุนเพิ่มเติมจากสิทธิเดิมที่มีสามารถเข้ามาลงทุนได้”
ด้านแนวโน้มสินเชื่อของธนาคารในปีนี้ ธนาคารตั้งเป้าอัตราการเติบโตที่ระดับ 15-20% ขึ้นอยู่ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งเชื่อว่าในกรอบต่ำที่ 15% คงสามารถทำได้แน่ ขณะที่สินเชื่อเช่าซื้อของธนาคารยังมีคุณภาพที่ดี ไม่มีปัญหา แม้ว่าจะเริ่มมีการคืนภาษีรถยนต์คันแรกแล้ว เนื่องจากธนาคารมีขั้นตอนในการอนุมัติที่เข้มงวด