เอ็ม พิคเจอร์สฯ งวดนี้ขาดทุนอ่วม 315 ล้านบาท เหตุต้นทุนการผลิต และการให้บริการเพิ่ม รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารล้วนขยับขึ้น อีกทั้งสำรองการด้อยค่าความนิยมในบริษัทย่อย
บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC แจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 55 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 314.69 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 61.72 ล้านบาท หรือขาดทุน 610% และผลการดำเนินงานงวดนี้มีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 3ธันวาคม 54 ลดลงจาก 1,050.15 ล้านบาท เป็น 981.78 ล้านบาท หรือลดลง 68.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.51% ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้จากการขายวีซีดี และดีวีดี
ขณะที่งวดนี้ บริษัทมีต้นทุนการผลิต และการให้บริการของกลุ่มบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 54 เพิ่มขึ้นจาก 667.41 ล้านบาท เป็น 793.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.60 ล้านบาท คิดเป็น 18.82% สาเหตุหลักเกิดจากการเปลี่ยนนโยบายตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารของกลุ่มบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 54 เพิ่มขึ้นจาก 294.51 ล้านบาท เป็น 493.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 198.59 ล้านบาท คิดเป็น 67.43% สาเหตุหลักเกิดจากการตั้งสำรองการด้อยค่าค่าความนิยมในบริษัทย่อย
บริษัท เอ็ม พิคเจอร์ส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MPIC แจ้งงบการเงินงวดสิ้นปี 55 ว่า บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 314.69 ล้านบาท ขณะที่งวดนี้ปีก่อนมีกำไรสุทธิ 61.72 ล้านบาท หรือขาดทุน 610% และผลการดำเนินงานงวดนี้มีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 3ธันวาคม 54 ลดลงจาก 1,050.15 ล้านบาท เป็น 981.78 ล้านบาท หรือลดลง 68.37 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 6.51% ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากการลดลงของรายได้จากการขายวีซีดี และดีวีดี
ขณะที่งวดนี้ บริษัทมีต้นทุนการผลิต และการให้บริการของกลุ่มบริษัทสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 54 เพิ่มขึ้นจาก 667.41 ล้านบาท เป็น 793.01 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 125.60 ล้านบาท คิดเป็น 18.82% สาเหตุหลักเกิดจากการเปลี่ยนนโยบายตัดจำหน่ายลิขสิทธิ์ภาพยนตร์
สำหรับค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารของกลุ่มบริษัท สำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 55 เมื่อเทียบกับสำหรับปีสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 54 เพิ่มขึ้นจาก 294.51 ล้านบาท เป็น 493.10 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 198.59 ล้านบาท คิดเป็น 67.43% สาเหตุหลักเกิดจากการตั้งสำรองการด้อยค่าค่าความนิยมในบริษัทย่อย