ก.ล.ต. ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หอการค้าไทย ชมรมวาณิชธนกิจ และผู้สอบบัญชีที่เข้าร่วมโครงการเปิดตัวโครงการ “หุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด” รุ่นที่ 2 พร้อมเสนอเงื่อนไขจูงใจ หวังดึงผู้ประกอบการต่างจังหวัดที่พลาดโอกาสในรุ่นแรกได้รับโอกาสนี้อีกครั้ง โดยเปิดรับสมัครจนถึง 31 พฤษภาคม 2556 นี้ เพื่อให้กิจกรรมการสร้างความรู้ความเข้าใจ และความตื่นตัวแก่ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดสามารถดำเนินการได้อย่างต่อเนื่อง หลังจากมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมโครงการรุ่นที่ 1 ถึง 104 บริษัท จาก 34 จังหวัด
ทั้งนี้ ก.ล.ต. และหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนรวม 8 องค์กร ขอเชิญผู้ประกอบการทั่วประเทศสมัครเข้าร่วมโครงการ “หุ้นใหม่ความภูมิใจของจังหวัด” รุ่นที่ 2 เพื่อเป็นการเสริมสร้างความรู้เกี่ยวกับการใช้ตลาดทุนเป็นช่องทางในการระดมทุน และการเตรียมตัวระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ภาคธุรกิจมีแหล่งเงินทุนระยะยาว อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันให้แก่กิจการพร้อมรับการเปิดเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
สำหรับโครงการรุ่นที่ 2 นี้ ยังคงเน้นกิจการที่จดทะเบียน หรือมีธุรกิจหลักในต่างจังหวัดซึ่งดำเนินกิจการมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ปี และเปิดกว้างให้กิจการที่มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว และส่วนของผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท หรือมีผลกำไร หรือมีกำไรสะสม อย่างใดอย่างหนึ่งในงบการเงินงวดปีล่าสุด สามารถเข้าร่วมโครงการได้
กิจการที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมโครงการทุกรายจะได้รับสิทธิประโยชน์หลายประการ ได้แก่ การอบรมหลักสูตรเกี่ยวกับตลาดทุน และการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียน ได้รับคำปรึกษาในการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ สำหรับกิจการที่ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นภายในปี 2557 จะรับยกเว้นค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ และเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จาก ก.ล.ต. และตลาดหลักทรัพย์ฯ และหากได้รับอนุญาตให้เสนอขายหุ้นจาก ก.ล.ต. ภายในปี 2557 จะได้รับโล่เชิดชูเกียรติ
ผู้สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถศึกษารายละเอียด และดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ www.sec.or.th/ipop หรือ facebook: www.facebook.com/secipop หรือโทร.สอบถามรายละเอียดที่ 0-2263-6000 และยื่นใบสมัครได้ที่สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด หรือที่ ก.ล.ต. ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 พฤษภาคม 2556
นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “รัฐบาลเล็งเห็นถึงความสำคัญในการสนับสนุนการพัฒนากิจการในต่างจังหวัดทั่วประเทศ เพราะเชื่อว่ากิจการเหล่านี้เป็นพลังสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตได้อย่างยั่งยืน จึงหวังว่าผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ โดยเฉพาะจังหวัดที่ยังไม่มีกิจการเข้าร่วมโครงการแรก จะช่วยกันผลักดันภาคธุรกิจให้เข้าร่วมโครงการนี้ เพื่อให้กิจการทุกจังหวัดทั่วประเทศเติบโตได้ในระยะยาว”
นายจรินทร์ จักกะพาก รองปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า “ในขณะที่ภาครัฐบาลพยายามกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นเพื่อลดปัญหาช่องว่างรายได้ ภาคตลาดทุนภายใต้โครงการนี้มีความมุ่งมั่นที่จะช่วยสร้างโอกาสให้แก่ธุรกิจท้องถิ่น เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้าถึงแหล่งเงินทุน สร้างความแข็งแกร่ง ช่วยสร้างงาน และรายได้ให้แก่จังหวัด และยังเป็นการวางรากฐานการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ”
นายวรพล โสคติยานุรักษ์ เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าวว่า “โครงการนี้จัดขึ้นอีกครั้งเนื่องจากได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากกิจการในต่างจังหวัด ประกอบกับ ก.ล.ต. ตระหนักถึงความต้องการของผู้ประกอบการหลายประเภทธุรกิจจากหลากหลายจังหวัดที่สนใจในเรื่องตลาดทุน และการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้เข้าร่วมโครงการหลายรายเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพ และพร้อมที่จะปรับตัว ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการพัฒนาไปสู่การระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในอนาคต ทำให้ทุกธุรกิจในต่างจังหวัดเตรียมพร้อมเพื่อรับโอกาสจากการเปิดเสรีของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”
นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ตลาดหลักทรัพย์ฯ พร้อมให้การสนับสนุน และคำแนะนำในการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนแก่ผู้ประกอบการที่มีความสนใจ เพื่อช่วยให้กิจการมีความพร้อม และสามารถเข้าจดทะเบียนได้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ บริษัทที่เข้าร่วมโครงการฯ รุ่นที่ 1 สามารถเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอ ไอ แล้ว จำนวน 4 บริษัท โดยอยู่ในจังหวัด ชลบุรี ปทุมธานี และปราจีนบุรี นอกจากนี้ ยังมีอีก 5 บริษัทที่อยู่ระหว่างยื่นคำขอ และรอเข้าจดทะเบียน”
นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย กล่าวว่า “ภาคธุรกิจอุตสาหกรรมหลายแห่งเล็งเห็นถึงประโยชน์ของโครงการ จึงสมัครเข้าร่วมโครงการแรกแล้ว กิจการที่มีแผนปรับปรุงการบริหาร และโครงสร้างทางการเงินจึงไม่ควรพลาดโอกาสในการสร้างความรู้ความเข้าใจ และเข้าถึงตลาดทุนเพื่อสร้างความแข็งแกร่งรองรับกับโอกาส และความท้าทายที่จะเกิดขึ้นจากการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน”
นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล ประธานหอการค้าไทย กล่าวว่า “โครงการหุ้นใหม่รุ่นแรกได้ก่อให้เกิดกระแสการตื่นตัวของภาคธุรกิจในต่างจังหวัดในการให้ความสำคัญกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน พร้อมกับการสร้างความแข็งแกร่งทางการเงิน ไม่เพียงเพื่อสร้างความอยู่รอดเท่านั้น แต่เพื่อสร้างรากฐานทางธุรกิจ และสามารถเป็นผู้นำในภาคธุรกิจของตนได้ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่า โครงการนี้จะช่วยกระตุ้นกระแสการตื่นตัวได้ยิ่งขึ้น”
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล รองผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า “วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาประสิทธิภาพในการผลิตของธุรกิจ สวทช. จึงพร้อมสนับสนุนกิจการที่เข้าร่วมโครงการในการปรับปรุงกระบวนการผลิต ให้คำปรึกษาด้านเทคนิค เพื่อช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันให้สูงขึ้น”
นายนรเชษฐ์ แสงรุจิ ประธานชมรมวาณิชธนกิจ กล่าวว่า “เป็นโอกาสอันดีที่กิจการในต่างจังหวัดแม้จะเป็นบริษัทขนาดเล็ก หรือเพิ่งเริ่มดำเนินการไม่นาน จะได้รับคำแนะนำจาก ก.ล.ต. ตลาดหลักทรัพย์ฯ และที่ปรึกษาทางการเงินพร้อมกันในคราวเดียว ซึ่งทีมที่ปรึกษาทางการเงินพร้อมให้ข้อเสนอแนะแก่กิจการที่เข้าร่วมโครงการ”