“หม่อมอุ๋ย” สวนกลับ “ดร.โกร่ง” ลั่นการใช้ยาแรงสกัดเงินไหลเข้า แม้ปรับลด ดบ. ครั้งเดียว 3% ก็สกัดไม่อยู่ เพราะ นลท. หวังฟันกำไรจากค่าเงิน ส่วนอัตรา ดบ. ถือเป็นผลพลอยได้ ชี้ส่วนต่าง ดบ. มีมานานแล้ว ทั้งสหรัฐฯ และยุโรป พร้อมระบุ การให้ ธปท. ดูแลก็ดีอยู่แล้ว ดังนั้น การที่ “ดร.โกร่ง” ออกมาพูดเป็นการส่งสัญญาณที่หวังผล แต่ไม่มีราคา
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีต รมว.คลัง และอดีตผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยอมรับว่า เงินทุนไหลเข้ารอบนี้น่าห่วง แต่เงินทุนไหลเข้าก็มีข้อดี ฉะนั้น ถ้าจะใช้มาตรการสกัดมากไป หรือรุนแรงไปก็มีโอกาสที่จะไหลออกเร็ว และรุนแรงเช่นกัน ซึ่งมาตรการต้องดูให้ดี แต่เชื่อว่า ธปท. ดูแลดีอยู่แล้ว
ส่วนเรื่องอัตราดอกเบี้ยจะลดลงหรือไม่ เป็นการตัดสินใจของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ที่มีนักเศรษฐศาสตร์ มีข้อมูลที่เพียงพอ ไม่ผูกติดกับนัการเมือง เป็นคนดีและมีความรู้เป็นคนตัดสินใจดีกว่า
“ดอกเบี้ยจะลงหรือไม่ ก็เป็นเพราะ กนง.จะตัดสินใจ ไม่เกี่ยวกับใครส่งสัญญาณ เพราะคนที่ดูแลเขามีความรู้ความเข้าใจพอ ผมว่าจริงๆ ดอกเบี้ยไม่ค่อยเกี่ยวกับการสกัดเงินทุนเท่าไหร่ เพราะเงินทุนไหลเข้ามาจากการทำแคร์รี่เทรด หรือการกู้เงินดอกเบี้ยต่ำมาผลตอบแทนที่สูงกว่า ซึ่งเกิดขึ้นกับทุกประเทศไม่ใช่แค่ไทยเรา”
นอกจากนี้ การที่บอกว่าดอกเบี้ยส่วนต่างของไทยกับต่างประเทศ เช่น สหรัฐฯ หรือยุโรป จริงๆ มันต่างมานานแล้ว ไม่ใช่เพิ่งต่าง ฉะนั้น ถึงดอกเบี้ยลง 3% ก็หยุดเงินทุนไม่ได้ เพราะนักทุนหวังกำไรจากค่าเงินเป็นหลัก ส่วนดอกเบี้ยที่ได้มา 2.75-3.00% ถือว่าได้มาฟรีๆ อีกอย่างเงินทุนไหลเข้ามาจากหลายปัจจัยไม่ใช่ดอกเบี้ยอย่างเดียว
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า การที่ นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานบอร์ด ธปท. ออกมาให้ความเห็นเรื่องนโยบายของ ธปท. ควรจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อดูแลเงินทุนไหลเข้า ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณการดำเนินนโยบาย ธปท. ที่แตกต่างกันนั้น เชื่อว่าไม่น่าจะกระทบต่อความน่าเชื่อถือของนักลงทุน เนื่องจากประธานบอร์ด ธปท.ไม่ได้อยู่ใน กนง. แต่มองว่าเป็นการส่งสัญญาณที่หวังผล
ทั้งนี้ ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 2.75% ต่างจากสหรัฐฯ ที่ 0-0.25%