ครม.รับทราบผลสำรวจ สนง.สถิติเผยภาวะการครองชีพ ขรก.ไทย ปี 55 ระบุ ครอบครัวข้าราชการไทยมีแนวโน้มก่อหนี้เพิ่มเป็น 1.11 ล้านบาท แต่สถานการณ์เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ โดยภาพรวมสามารถลืมตาอ้าปากได้แล้ว
นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.รับทราบผลการสำรวจภาวะการครองชีพของข้าราชการไทย ประจำปี 2555 ตามที่สำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เสนอ โดยระบุว่า ครอบครัวข้าราชการไทยมีแนวโน้มมีหนี้สินเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 749,000 บาท ในปี 2551 เป็น 1.11 ล้านบาท ในปี 2555 ขณะที่หนี้สินต่อรายได้ของครอบครัวข้าราชการได้ปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน โดยปรับเพิ่มจาก 18.2 เท่า ในปี 2551 เป็น 20 เท่า ในปี 2553 และ 22.3 เท่า ในปี 2555
ทั้งนี้ เมื่อเทียบรายได้ค่าใช้จ่าย หนี้สิน และหนี้สินต่อรายได้ของครอบครัวข้าราชการ ในปี 2551-2555 พบว่า ครอบครัวข้าราชการมีรายได้สูงกว่าค่าใช้จ่าย และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในปี 2555 ที่พบว่า สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จากเดิมในปี 2551 มีค่าใช้จ่าย 32,411 บาท เป็น 41,081 บาท ในปี 2555 ขณะที่รายได้เพิ่มจาก 41,139 บาท ในปี 2551 เป็น 49,915 บาท ในปี 2555
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาถึงการเป็นหนี้แล้วพบว่า ส่วนใหญ่เป็นหนี้สินเพื่อที่อยู่อาศัยมากที่สุดในสัดส่วน 54.7% รองลงมา เป็นหนี้เพื่อซื้อ หรือซ่อมแซมยานพาหนะ 16.5% เพื่อใช้จ่ายในการอุปโภคบริโภค 15.4% อันดับ 4 ได้แก่ การลงทุนในธุรกิจของครอบครัว 5.9% และอันดับ 5 เป็นหนี้เพื่อการศึกษา 3.6%
นายภักดีหาญส์ กล่าวด้วยว่า สำหรับประเภทของข้าราชการที่มีสัดส่วนของครอบครัวที่เป็นหนี้สูงสุด ได้แก่ ข้าราชการประเภททั่วไปที่มีสัดส่วนสูงสุดที่ 86.3% ขณะที่ข้าราชการประเภทวิชาการ และอำนวยการ เป็นหนี้ 83.4% และ 65.5% ส่วนข้าราชการประเภทบริหารเป็นข้าราชการที่มีสัดส่วนที่เป็นหนี้ต่ำสุดที่ 31.9% แต่เมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่เป็นหนี้ กลับพบว่า มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นตามประเภท และระดับตำแหน่งที่สูงขึ้น โดยข้าราชการประเภทบริหารมีจำนวนหนี้สินเฉลี่ยสูงที่สุด 1.51 ล้านบาท และข้าราชการประเภททั่วไป มีหนี้สินเฉลี่ยต่ำที่สุด 996,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากผลสำรวจพบว่า ครอบครัวของข้าราชการไทยในทุกประเภท และระดับตำแหน่งทั่วประเทศ มีรายได้เฉลี่ยเดือนละ 49,915 บาท โดยมาจากค่าตอบแทนที่ได้รับเป็นประจำจากการทำงาน เช่น เงินเดือน เงินประจำตำแหน่ง และเงินเพิ่มพิเศษ รองลงมา เป็นรายได้ที่มาจากการประกอบธุรกิจส่วนตัว รายได้ที่ได้รับเป็นครั้งคราว เช่น ค่าเบี้ยประชุม ค่าล่วงเวลา ค่าโบนัส เป็นต้น และยังมีรายได้จากการให้เช่าทรัพย์สิน และรายได้อื่น เป็นต้น
