“โนเบิล” ปรับแนวรุกอสังหาฯ รีเฟรชแบรนด์ใหม่ มุ่งคอนโดฯ หรู 2 แบรนด์หลัก Revolt ราคา 3 ล้านบาท ส่วนอีกแบรนด์รอตั้งซื่อ แจงราคา 15 ล้านบาทขึ้น ประเดิมครึ่งปีแรก 3 โครงการ มูลค่า 7,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายปี 56 แตะ 7,000 ล้านบาท แบ็กล็อกตุนในมือ 12,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าสร้างโนเบิลเพลินจิตหลังได้รับอนุมัติจาก EIA
นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวล็อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE กล่าวว่า ภายหลังการลาออกของนายธงชัย บุศราพันธ์ จากรองประธานกรรมการ และกรรมการผู้จัดการของบริษัทไม่ได้ส่งผลกระทบต่อบริษัท โดยตนเองจะเข้ามาดูแลงานแทน และไม่มีการเปลี่ยนแปลงการบริหารใดๆ แต่การทำงานจะเน้นการตลาดให้คมชัดมากขึ้น โดยปีหน้าจะหันมารุกธุรกิจ และ refresh แบรนด์ให้ชัดเจนขึ้น สร้างสินค้า และเกิดความชัดเจน สามารถจับต้องได้จริง หรือสร้างความหรูหราให้เกิดขึ้นจริง สร้างแรงบันดาลใจ เป็น full lifestyle และไม่ทำตามตลาด รวมถึงเปิดโอกาสผู้บริหารระดับสูงในบริษัทได้ทำงานกันเต็มที่
จากแผนการดำเนินงานดังกล่าวจึงเป็นที่มาของการพัฒนาคอนโดมิเนียมใน 2 เซกเมนต์หลัก ได้แก่ โครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง (Hi-end) ที่มีทั้งความหรูหรา (Luxury High End) ราคาเริ่มต้นที่ 15 ล้านบาทขึ้นไป ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเลือกชื่อแบรนด์ ส่วนอีกแบรนด์จะเป็นคอนโดมิเนียมที่คนรุ่นหมุ่มสาวสามารถเข้าถึงได้ (Affordable High End) ภายใต้แบรนด์ Revolt ราคาประมาณ 3 ล้านบาท/ยูนิต
“แม้ว่าที่ผ่านมา การพัฒนาสินค้าของเรามีความชัดเจน และสะท้อนความเป็นตัวตนของโนเบิลเป็นอย่างดี แต่เมื่อเวลาผ่านไปเราก็ต้องกลับมีรีเฟรชแบรนด์เราใหม่ให้มีความทันสมัย คนที่อยู่โนเบิลจะมีความเท่ มีความเป็นปัจเจกชน” นายกิตติกล่าว
นอกจากการเพิ่มความคมชัดให้แก่แบรนด์สินค้าแล้ว บริษัทยังรุกตลาดมากยิ่งขึ้น โดยในครึ่งปีแรก 2556 มีแผนเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่ารวม 7,000 ล้านบาท ได้แก่ 1.ทำเลรัชดา แบรนด์ Noble Revolt ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินศูนย์วัฒนธรรมตรงข้ามศูนย์การค้าเอสพละนาด ขนาดตั้งแต่ 25 ตารางเมตรขึ้นไป ราคาเริ่มต้น 3 ล้านบาท 2.โครงการระดับไฮเอนด์ ซ.ท่องหล่อ ระดับราคา 15 ล้านบาทขึ้นไป และ 3.โครงการที่เหลือจะอยู่บนถนนสุขุมวิท พร้อมกันนั้น บริษัทยังตั้งงบลงทุนประมาณ 2,000 ล้านบาท เพื่อซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ในช่วงครึ่งปีหลังทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายปี 56 จำนวน 7,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเท่าตัวจากปี 55 ที่คาดว่าจะมียอดขาย 3,000 ล้านบาท ขณะที่รายได้ปี 56 จะใกล้เคียงกับปีนี้คือประมาณ 2,700-2,800 ล้านบาท ส่วนหนึ่งจะเป็นการรับรู้รายได้จากการโอนคอนโดฯ 2 โครงการ คือ โครงการ RE:D และ Revent จำนวน 2,200 ล้านบาท จากยอดขายรอรับรู้รายได้ 12,000 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ภายใน 1-4 ปีข้างหน้า
นายกิตติ กล่าวต่อว่า นอกจากการลงทุนใหม่ในปีหน้าแล้ว บริษัทยังให้ความสำคัญหลัก 2 เรื่อง คือ เร่งงานก่อสร้าง และการขายในโครงการโนเบิล เพลินจิต มูลค่าโครงการ 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้ได้ผ่านการอนุมัติจาก EIA และเริ่มงานก่อสร้างแล้ว โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในอีก 4 ปีข้างหน้า
กรณีโครงการโนเบิล ยูไนท์ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ที่ชะงักโครงการ เนื่องจากการเปลี่ยนกฎข้อบังคับของ EIA ที่ยกเลิกพื้นที่แสงที่ส่งเข้าถึงตัวอาคารให้นับรวมเป็นพื้นที่สีเขียว ซึ่งโครงการนี้มีพื้นที่ขนาดเล็กเพียงไร่ครึ่ง เมื่อต้องปรับเปลี่ยนแบบจะทำให้รูปแบบโครงการเปลี่ยนไป ดังนั้น จึงตัดสินใจคืนเงินลูกค้า และปรับแบบโครงการใหม่ ทำให้บริษัทได้คืนเงินให้แก่ลูกค้าจำนวน 58 ราย รวม 48 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยรวม 1.1 ล้านบาท ซึ่งหลังจากออกแบบเสร็จ และผ่านการอนุมัติจาก EIA บริษัทจึงจะเปิดขายโครงการใหม่
“การคืนเงินให้ลูกค้าส่งผลกระทบต่อเราน้อยมาก ซึ่งในอนาคตการพัฒนาโครงการใหม่ๆ จะใช้พื้นที่ให้มีความยืดหยุ่นมากขึ้น เพื่อให้การพัฒนาโครงการทำได้ง่าย ไม่ต้องกังวลเรื่อง EIA และหากจำเป็นต้องพัฒนาโครงการขนาดเล็ก ทำให้บริษัทต้องระมัดระวัง ต้องให้ผ่าน EIA ก่อนดำเนินการก่อสร้าง” นายกิตติกล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนจะพัฒนาโครงการในต่างจังหวัดในปีหน้า ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยจะเน้นการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง จากการที่บริษัทมี know how, synergy และเงินทุน โดยมองทำเลในภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่อุดรธานี อุบลราชธานี ขอนแก่น ซึ่งยังมีที่ดินเป็นจำนวนมาก ส่วนภาคตะวันออก ยังเป็นพัทยา ชลบุรี และ ระยอง รวมทั้งมองทำเลเมืองตากอากาศทั้งหัวหิน ซึ่งมีบริษัทมีที่ดินติดชายทะเลเนื้อที่ 100 ไร่พร้อมพัฒนา และเขาใหญ่ที่พร้อมจับมือกับพันธมิตร คือ คีรีมายา ในการพัฒนาโครงการ
นายกิตติ กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่ในช่วงปลายไตรมาส 3/56 วงเงิน 1.5 พันล้านบาท อายุ 3 ปี จากก่อนหน้านี้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว วงเงินรวม 3 พันล้านบาท อายุ 3 ปี ซึ่งการออกหุ้นกู้ถือเป็นส่วนหนึ่งในการระดมเงินพัฒนาโครงการในอนาคตด้วย