ไฮโดรเท็ค เผยหากได้งานประมูลโครงการบำบัดน้ำเสียประเทศพม่า เล็งระดมทุนเพื่อนำเงินไปก่อสร้าง ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษา ผู้บริหารเผยได้งานขายน้ำประปาให้แก่เทศบาลเชียงใหม่ 2 พันล้านบาท ทยอยรับรู้ 30 ปี พร้อมเล็งยื่นประมูลในไทยอีก 1 พันล้านบาทภายในสิ้นปีนี้ พร้อมคาดกำไรสุทธิปีนี้เติบโตระดับเดียวกับรายได้ที่โต 50% จากปีก่อน 691 ล้านบาท
นายสลิบ สูงสว่าง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไฮโดรเท็ค จำกัด (มหาชน) หรือ HYDRO เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาถึงแผนการระดมทุน เพราะหากบริษัทประมูลงานก่อสร้างโครงการบำบัดน้ำเสียในนิคมอุตสาหกรรมประเทศพม่า ซึ่งในสัปดาห์หน้าบริษัทจะเดินทางไปเพื่อสรุปราคา จากนั้นจะมีการเซ็นสัญญาลงนามความบันทึกความร่วมมือ (MOU) โดยทางบริษัทจะใช้เงินลงทุนประมาณ 400-500 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มก่อสร้างในปลายปี 2555 และคาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2557
รวมถึงบริษัทจะมีการยื่นประมูลงานก่อสร้างโครงการผลิตน้ำประปา และระบบบำบัดน้ำเสียที่พม่า
อีก 1 งาน ซึ่งหากบริษัทสามารถประมูลได้ บริษัทจะต้องใช้เงินลงทุนประมาณ 800-1,000 ล้านบาท คาดรู้ผลภายในปีนี้ โดยในเรื่องของแผนการระดมทุนนั้น ทางบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอยู่ระหว่างการพิจารณา ว่าจะใช้เครื่องมือทางการเงินใด ซึ่งปัจจุบันนั้น บริษัทไม่มีหนี้สินเลย
สำหรับการยื่นประมูลงานในประเทศไทยนั้นในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทเตรียมยื่นประมูลงานอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท จากในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้มีการยื่นประมูลไปแล้วมูลค่า 300-400 ล้านบาท โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้งานประมูลในการผลิตน้ำประปาให้แก่เทศบาลในจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะทยออยรับรู้รายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท เป็นเวลา 30 ปี ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้ในกลางปี 2556 โดยปีแรกจะรับรู้รายได้ประมาณ 50-60 ล้านบาท
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทมีงานในมืออยู่มูลค่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงที่เหลือปีนี้ประมาณ 500-600 ล้านบาท ซึ่งทำให้บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 50% จากปี 2554 ที่มีรายได้รวม 691 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตระดับเดียวกับรายได้
นายสลิบ กล่าวว่า สำหรับแผนการดำเนินงานในอนาคตบริษัทจะมีการเน้นรับงานโครงการลงทุนก่อสร้างมากขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจาก รับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทำให้บริษัทมีรายได้เติบโตต่อเนื่อง และไม่มีความผันผวน เพราะการรับงานด้านบริหารนั้นรับรู้รายได้ระยะสั้น ทำให้รายได้มีความผันผวน โดย 5 ปีข้างหน้าอาจมีสัดส่วนมากกว่า 50% จากปัจจุบัน งานลงทุนโครงสร้างอยู่ที่ 50% และงานรับเหมา และบริหารอยูที่ 50%