ฟิทช์ เรทติ้งส์ ให้อันดับเครดิตหุ้นกู้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา วงเงินไม่เกิน 12 พันล้าน อายุ 10 ปี ที่ระดับ A+(tha) ระบุจากความแข็งแกร่งทางการเงิน-คุณภาพสินทรัพย์ที่ดี
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ระดับ “A+(tha)” แก่หุ้นกู้ประเภทด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อายุ 10 ปี จำนวนไม่เกิน 12 พันล้านบาท ที่จะออกโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน หรือ BAY (“AA-(tha)”/ แนวโน้มมีเสถียรภาพ) ทั้งนี้ หุ้นด้อยสิทธิดังกล่าวมีจำนวนสำรองเสนอขายเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 8 พันล้านบาท เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของธนาคาร
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตของตราสารประเภทดังกล่าวที่ 1 ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารที่เป็นผู้ออกตราสาร อันดับเครดิตของ BAY สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่ดี เงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินฝาก (wholesale funding) มากกว่าธนาคารอื่นในประเทศที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสินทรัพย์ของธนาคาร
บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาว (National Long-Term Rating) ที่ระดับ “A+(tha)” แก่หุ้นกู้ประเภทด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน อายุ 10 ปี จำนวนไม่เกิน 12 พันล้านบาท ที่จะออกโดยธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด มหาชน หรือ BAY (“AA-(tha)”/ แนวโน้มมีเสถียรภาพ) ทั้งนี้ หุ้นด้อยสิทธิดังกล่าวมีจำนวนสำรองเสนอขายเพิ่มเติมอีกไม่เกิน 8 พันล้านบาท เงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ด้อยสิทธิในครั้งนี้ จะนำไปใช้ในการดำเนินกิจการทั่วไปของธนาคาร
ทั้งนี้ อันดับเครดิตของหุ้นกู้ด้อยสิทธิ สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของฟิทช์ในการจัดอันดับเครดิตของตราสารประเภทดังกล่าวที่ 1 ระดับต่ำกว่าอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของธนาคารที่เป็นผู้ออกตราสาร อันดับเครดิตของ BAY สะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางการเงินของธนาคาร ซึ่งรวมถึงผลประกอบการที่ดี เงินกองทุนที่อยู่ในระดับสูง และคุณภาพของสินทรัพย์ที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ อันดับเครดิตยังสะท้อนถึงการที่ธนาคารมีการพึ่งพาแหล่งเงินทุนที่ไม่ได้อยู่ในรูปของเงินฝาก (wholesale funding) มากกว่าธนาคารอื่นในประเทศที่มีอันดับเครดิตใกล้เคียงกัน เพื่อให้สอดคล้องกับอายุสินทรัพย์ของธนาคาร
