ทางขึ้นแคบเลง
บรรยากาศตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซึมกันทั้งโลก เพราะไม่มีข่าวดีที่รอคอยเหลืออยู่ นักลงทุนได้แต่รักษาเนื้อรักษาตัว ซื้อขายกันในกรอบที่จำกัด ทำให้ราคาหุ้นกระดิกไปไหนไม่ได้ โดยไม่อาจประเมินได้ว่าความเงียบเหงาไร้ทิศทางจะครอบงำตลาดหุ้นทัวโลกไปอีกนานเท่าไหร่
สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ใกล้ทะลุ 1,300 จุด แต่ก็ยังไม่อาจขึ้นไปแตะได้ เนื่องจากไม่มีปัจจัยชี้นำเหมือนกัน นักลงทุนจึงหันมาลุยหุ้นรายตัว และมีหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กถูกจุดพลุให้เล่นกันหนาตา ขณะที่หุ้นใหญ่พักรบ เว้นแต่หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเริ่มมีความเคลื่อนไหว เนื่องจากใกล้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 นักลงทุนจึงดักซื้อเก็งกำไร แต่ก็ไม่สามารถผลักดันให้ดัชนีขยับขึ้นได้
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,284.30 จุด ลดลง 1.96 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,651 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 271 ล้านบาท
ตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ก็ยังไม่ฟื้น โดยติดลบกันประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ถ้วนหน้า ปัจจัยภายนอกจึงไม่เป็นบวก ส่วนปัจจัยภายในไม่สามารถหาข่าวดีเป็นชิ้นเป็นอันได้ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มตลาดระยะสั้นคงไม่แตกต่างจากวันนี้ โดยจะเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด และคงไม่อาจขยับขึ้นอย่างหวือหวาได้นอกจากหุ้นรายตัว ซึ่งเก็งกำไรตามข่าวไปวันๆ แต่หลายตัวที่มีข่าวหนุน ราคาก็ขึ้นมาไกลมากแล้วจึงเสี่ยงที่จะตามแห่เก็งกำไร
พฤติกรรมการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่เกิดขึ้นขณะนี้อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เพราะแสดงว่านักลงทุนกำลังถูกครอบงำด้วยบรรยากาศเก็งไร ทั้งที่ควรชะลอการลงทุน เนื่องจากตลาดขาดแคลนข่าวดี และภาพรวมของตลาดคงยังไม่ไปไหน แต่กลับอดไม่ได้ที่จะเก็งกำไรหุ้นรายตัวในลักษณะตามแห่ และหุ้นตัวเล็กตัวน้อยที่วิ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จะทำให้ตลาดเกิดความเปราะบาง ซึ่งหากมีปัจจัยลบกระทบจะนำไปสู่ความผันผวนรุนแรงได้
แม้หุ้นจะปรับตัวเล็กน้อยแต่ยอดซื้อนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า รายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิรายเดียว โดยอาจจะเป็นการช้อนซื้อหุ้นบ้านปูที่นักลงทุนสถาบัน หรือต่างชาติขายออกมา หรือซื้อหุ้นทั่วไปที่ราคาอ่อนตัวลง
แต่ไม่ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน หรือกลุ่มไหนบ้างก็ตาม ก็เป็นการซื้อที่จังหวะไม่เหมาะ เพราะเพดานขาขึ้นแคบมาก แรงจูงใจในผลตอบแทนจึงไม่คุ้มกับความเสี่ยงกับขาลงที่พื้นเปิดกว้างกว่า
บรรยากาศตลาดหุ้นอยู่ในภาวะซึมกันทั้งโลก เพราะไม่มีข่าวดีที่รอคอยเหลืออยู่ นักลงทุนได้แต่รักษาเนื้อรักษาตัว ซื้อขายกันในกรอบที่จำกัด ทำให้ราคาหุ้นกระดิกไปไหนไม่ได้ โดยไม่อาจประเมินได้ว่าความเงียบเหงาไร้ทิศทางจะครอบงำตลาดหุ้นทัวโลกไปอีกนานเท่าไหร่
สำหรับตลาดหุ้นไทย แม้ใกล้ทะลุ 1,300 จุด แต่ก็ยังไม่อาจขึ้นไปแตะได้ เนื่องจากไม่มีปัจจัยชี้นำเหมือนกัน นักลงทุนจึงหันมาลุยหุ้นรายตัว และมีหุ้นขนาดกลางขนาดเล็กถูกจุดพลุให้เล่นกันหนาตา ขณะที่หุ้นใหญ่พักรบ เว้นแต่หุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเริ่มมีความเคลื่อนไหว เนื่องจากใกล้ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 นักลงทุนจึงดักซื้อเก็งกำไร แต่ก็ไม่สามารถผลักดันให้ดัชนีขยับขึ้นได้
ดัชนีวันนี้ปิดที่ 1,284.30 จุด ลดลง 1.96 จุด มูลค่าซื้อขาย 34,651 ล้านบาท ต่างชาติขายสุทธิ 271 ล้านบาท
ตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันจันทร์ก็ยังไม่ฟื้น โดยติดลบกันประมาณครึ่งเปอร์เซ็นต์ถ้วนหน้า ปัจจัยภายนอกจึงไม่เป็นบวก ส่วนปัจจัยภายในไม่สามารถหาข่าวดีเป็นชิ้นเป็นอันได้ ซึ่งจะทำให้แนวโน้มตลาดระยะสั้นคงไม่แตกต่างจากวันนี้ โดยจะเคลื่อนไหวในกรอบที่จำกัด และคงไม่อาจขยับขึ้นอย่างหวือหวาได้นอกจากหุ้นรายตัว ซึ่งเก็งกำไรตามข่าวไปวันๆ แต่หลายตัวที่มีข่าวหนุน ราคาก็ขึ้นมาไกลมากแล้วจึงเสี่ยงที่จะตามแห่เก็งกำไร
พฤติกรรมการเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่เกิดขึ้นขณะนี้อาจเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนัก เพราะแสดงว่านักลงทุนกำลังถูกครอบงำด้วยบรรยากาศเก็งไร ทั้งที่ควรชะลอการลงทุน เนื่องจากตลาดขาดแคลนข่าวดี และภาพรวมของตลาดคงยังไม่ไปไหน แต่กลับอดไม่ได้ที่จะเก็งกำไรหุ้นรายตัวในลักษณะตามแห่ และหุ้นตัวเล็กตัวน้อยที่วิ่งขึ้นอย่างร้อนแรง จะทำให้ตลาดเกิดความเปราะบาง ซึ่งหากมีปัจจัยลบกระทบจะนำไปสู่ความผันผวนรุนแรงได้
แม้หุ้นจะปรับตัวเล็กน้อยแต่ยอดซื้อนักลงทุนรายกลุ่มปรากฏว่า รายย่อยเป็นผู้ซื้อสุทธิรายเดียว โดยอาจจะเป็นการช้อนซื้อหุ้นบ้านปูที่นักลงทุนสถาบัน หรือต่างชาติขายออกมา หรือซื้อหุ้นทั่วไปที่ราคาอ่อนตัวลง
แต่ไม่ว่าจะซื้อหุ้นตัวไหน หรือกลุ่มไหนบ้างก็ตาม ก็เป็นการซื้อที่จังหวะไม่เหมาะ เพราะเพดานขาขึ้นแคบมาก แรงจูงใจในผลตอบแทนจึงไม่คุ้มกับความเสี่ยงกับขาลงที่พื้นเปิดกว้างกว่า