กสิกรไทยเร่งเครื่องวาณิชธนกิจ คาดในช่วง 1 ปีเม็ดเงินลงทุนสะพัด 8 แสนล้าน เฉพาะครึ่งปีหลังทะลุ 4.7 แสนล้าน ลุ้นแบ่งเค้ก 50% รักษาแชมป์อันดับ 1
นายกฤษฎา ล่ำซำ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า ในช่วง 1 ปีจากนี้ไป ธนาคารประเมินว่าจะมีมูลค่าการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ทั้งใน และต่างประเทศประมาณ 8 แสนล้านบาท โดยเป็นโครงการธุรกิจข้ามชาติมูลค่าสูงถึง 40% ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมด การลงทุนของธุรกิจเข้าสู่ตลาดระดับท้องถิ่นตามหัวเมืองจังหวัดใหญ่ต่างๆ ประมาณ 20% และการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานประมาณ 40% รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดกลางเริ่มให้ความสนใจในการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิต และขยายการลงทุนไปยังต่างประเทศมากขึ้น จึงน่าจะเป็นอีกกลุ่มที่ธนาคารจะให้ความสนใจ
ขณะที่นายภานพ อังศุสิงห์ ผู้บริหารสายงานวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า บริษัทขนาดใหญ่ของไทยมีแนวโน้มที่จะเข้าไปลงทุนในต่างประเทศสูงขึ้น ซึ่งเป็นตามกระแสในการเปิดเสรีทางการค้าในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ซึ่งธนาคารตั้งเป้าหมายงานวาณิชธนกิจจะมีมูลค่าเติบโตกว่า 35% ในอีก 3 ปี ข้างหน้า โดยจะเน้นการประสานผลลัพธ์ผ่านผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลาย และครอบคลุมตลาดทั้งใน และต่างประเทศ โดยได้มีการปรับโครงสร้างการบริหาร และความพร้อมเพื่อให้รองรับการดำเนินธุรกิจให้ครบวงจร
ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีโครงการระดมเงินทุนในรูปแบบต่างๆ ของธุรกิจขนาดใหญ่ประมาณ 70 โครงการ มูลค่ารวม 3.3 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ธนาคารเข้าไปให้บริการแก่ลูกค้า 40 โครงการ มูลค่ารวม 2.25 แสนล้านบาท ผลักดันให้รายได้ค่าธรรมเนียมจากกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ของธนาคารเติบโตในช่วงครึ่งปีแรกแล้ว 10%
สำหรับในช่วงครึ่งปีหลัง มีโครงการธุรกิจที่จะระดมเงินทุนอีกกว่า 150 โครงการ มูลค่ากว่า 4.7 แสนล้านบาท ซึ่งธนาคารคาดว่าประมาณ 90% จะเป็นการระดมทุนจากการกู้ยืม และการทำสินเชื่อโครงการ (Project Finance) และอีก 10% เป็นการให้บริการด้านตลาดทุนโดยส่วนใหญ่เป็นการให้คำปรึกษาทางการเงิน
นายสุรเดช เกียรติธนากร ผู้บริหารกลุ่มธุรกิจวาณิชธนกิจ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทขนาดใหญ่จะให้ความสำคัญในการระดมทุนผ่านตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้น จากภาวะตลาดทั้งอัตราดอกเบี้ย ผลตอบแทน และความต้องการอยู่ในระดับสูง โดยเป้าหมายจะมีส่วนแบ่งในโครงการอย่างต่ำมากกว่า 50% หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 2.4 แสนล้านบาท ซึ่งยังคงทำให้ธนาคารสามารถรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดในธุรกิจการบริหารของสายงานวาณิชธนกิจอยู่ในอันดับที่ 1
“ตอนนี้เรามีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ 30% เราตั้งเป้าที่จะรักษาที่ 1 อยู่แล้ว ที่ 2-3 ตามเรามา คือ ธนาคารไทยพาณิชย์ และธนาคารกรุงเทพ โดยธุรกิจวาณิชธนกิจเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญต่อแบงก์เป็นอย่างมาก ทั้งรายได้ค่าธรรมเนียม และสามารถต่อยอดธุรกิจไปทางอื่นได้อีก”
