1,200 จุดเอาไม่อยู่
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นวันศุกร์ซบเซาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย โดยดัชนีทรุดตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และถอยลงมาใกล้ 1,200 จุด และมีแนวโน้มที่จะหลุด เพราะปัจจัยภายนอกย่ำแย่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ดัชนีปิดที่ 1,208.55 จุด ลดลง 4.41 จุด มูลค่าซื้อขาย25,844 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 1,003 ล้านบาท
ข่าวดีสำหรับตลาดหุ้นแทบไม่มีเหลือแล้ว และแม้แต่ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ก็ไม่สามารถกระตุ้นตลาดได้ และกลายเป็นปัจจัยลบไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะปัจจัยลบกลุ่มธนาคาร ซึ่งราคาขึ้นมารอรับความคาดหมายผลประกอบการล่วงหน้า และเมื่อมีการประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานออกมาจริง ราคาหุ้นก็ปรับตัวลง ซึ่งหุ้นกลุ่มอื่นๆ ก็อาจจะมีลักษณะเดียวกับกลุ่มธนาคาร โดยถูกขายเมื่อประกาศผลดำเนินงานจริงออกมา
ส่วนปัจจัยภายนอกก็ไม่มีข่าวดีที่รอคอย ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันศุกร์ไม่สดใสนัก โดยดาวโจนส์เปิดตลาดช่วงแรกลงกว่า 100 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปทรุดตัวลง 1-2% และจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นย่านเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์นี้
นักลงทุนรายย่อย เมื่อวันศุกร์แห่เข้าไปซื้อหุ้น ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั้ง 3 กลุ่มขายหุ้นออก โดยรายย่อยอาจเห็นว่าราคาหุ้นลงมาหลายวัน และเป็นจังหวะช้อนซื้อดักเก็งกำไร แต่การปรับฐานรอบนี้มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ เพราะมีปัจจัยลบมาซ้ำเติม ซึ่งมีโอกาสทำให้ดัชนีทรุดต่ำกว่า 1,200 จุดอีกครั้ง
กลุ่มสื่อสารก็ยังมีปัจจัยรบกวนเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตอยู่ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานก็ยังขยับตัวไม่ได้มาก ซึ่งหากไม่มีหุ้นกลุ่มนำตลาด ดัชนีก็คงถอยร่นตามปัจจัยลบจากภายนอกต่อไป และจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนจะรอคอยโอกาสช้อนซื้อหุ้นต้นทุนต่ำ แต่การช้อนซื้อไม่ควรผลีผลาม เพราะถ้าใจร้อนเข้าเร็วไปมีโอกาสติดหุ้นต้นทุนสูง แทนที่จะได้ซื้อหุ้นต้นทุนต่ำมาถือดักเก็งกำไร
บรรยากาศการซื้อขายหุ้นวันศุกร์ซบเซาในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย โดยดัชนีทรุดตัวลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 และถอยลงมาใกล้ 1,200 จุด และมีแนวโน้มที่จะหลุด เพราะปัจจัยภายนอกย่ำแย่ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และยุโรปปรับตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบเชิงจิตวิทยาต่อตลาดหุ้นช่วงต้นสัปดาห์หน้า
ดัชนีปิดที่ 1,208.55 จุด ลดลง 4.41 จุด มูลค่าซื้อขาย25,844 ล้านบาท นักลงทุนต่างชาติขาย 1,003 ล้านบาท
ข่าวดีสำหรับตลาดหุ้นแทบไม่มีเหลือแล้ว และแม้แต่ผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ก็ไม่สามารถกระตุ้นตลาดได้ และกลายเป็นปัจจัยลบไปด้วยซ้ำ โดยเฉพาะปัจจัยลบกลุ่มธนาคาร ซึ่งราคาขึ้นมารอรับความคาดหมายผลประกอบการล่วงหน้า และเมื่อมีการประกาศผลกำไรจากการดำเนินงานออกมาจริง ราคาหุ้นก็ปรับตัวลง ซึ่งหุ้นกลุ่มอื่นๆ ก็อาจจะมีลักษณะเดียวกับกลุ่มธนาคาร โดยถูกขายเมื่อประกาศผลดำเนินงานจริงออกมา
ส่วนปัจจัยภายนอกก็ไม่มีข่าวดีที่รอคอย ขณะที่ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นยุโรป และสหรัฐฯ คืนวันศุกร์ไม่สดใสนัก โดยดาวโจนส์เปิดตลาดช่วงแรกลงกว่า 100 จุด ขณะที่ตลาดหุ้นยุโรปทรุดตัวลง 1-2% และจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นย่านเอเชีย รวมทั้งตลาดหุ้นไทยในวันจันทร์นี้
นักลงทุนรายย่อย เมื่อวันศุกร์แห่เข้าไปซื้อหุ้น ขณะที่นักลงทุนสถาบันทั้ง 3 กลุ่มขายหุ้นออก โดยรายย่อยอาจเห็นว่าราคาหุ้นลงมาหลายวัน และเป็นจังหวะช้อนซื้อดักเก็งกำไร แต่การปรับฐานรอบนี้มีแนวโน้มจะยืดเยื้อ เพราะมีปัจจัยลบมาซ้ำเติม ซึ่งมีโอกาสทำให้ดัชนีทรุดต่ำกว่า 1,200 จุดอีกครั้ง
กลุ่มสื่อสารก็ยังมีปัจจัยรบกวนเกี่ยวกับภาษีสรรพสามิตอยู่ ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานก็ยังขยับตัวไม่ได้มาก ซึ่งหากไม่มีหุ้นกลุ่มนำตลาด ดัชนีก็คงถอยร่นตามปัจจัยลบจากภายนอกต่อไป และจะเป็นจังหวะที่นักลงทุนจะรอคอยโอกาสช้อนซื้อหุ้นต้นทุนต่ำ แต่การช้อนซื้อไม่ควรผลีผลาม เพราะถ้าใจร้อนเข้าเร็วไปมีโอกาสติดหุ้นต้นทุนสูง แทนที่จะได้ซื้อหุ้นต้นทุนต่ำมาถือดักเก็งกำไร