“ปตท.” แจงความพร้อมพัฒนาแหล่งก๊าซฯ พื้นที่ทับซ้อน “ไทย-กัมพูชา” หากรัฐบาลได้แนวทางกรอบเจรจาระหว่างกัน คาดน่าจะออกมาในรูปแบบที่ดี ส่วนรูปแบบการลงทุนอาจมีได้หลายแนวทาง ปิ๊งต้นแบบ “เจดีเอ” ไทย-มาเลย์ แบ่งผลประโยชน์ฝ่ายละ 50% ของการผลิตที่ได้
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนการลงทุนหาแหล่งก๊าซธรรมชาติ โดยระบุว่า ปตท.อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในการเข้าไปพัฒนาแหล่งก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนระหว่าง ไทย-กัมพูชา โดยรูปแบบการลงทุนอาจมีได้หลายแนวทาง เช่น รูปแบบพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย (เจดีเอ) ที่แบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกัน 50% ของการผลิตที่ได้
ส่วนพื้นที่ทับซ้อนระหว่าง ไทย-เวียดนาม อาจใช้วิธีการลากเส้นแบ่งพื้นที่ระหว่างกัน ทั้งนี้ เห็นว่า ไม่ว่าไทย และกัมพูชาจะใช้วิธีใดหากอยู่บนการเจรจาด้วยเหตุผลน่าจะได้ข้อยุติที่ดี
“พื้นที่ทับซ้อน ไทย-กัมพูชา มีการศึกษากันมานาน และแนวโน้มไปในทางที่ดี โดยพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งที่มีศักยภาพ และน่าสนใจ และก็ไม่ต้องสร้างท่อใหม่ เพราะมีท่อก๊าซเชื่อมถึงกันอยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ไทยประเทศเดียวที่เกิดปัญหาพื้นที่ทับซ้อน ต่างประเทศก็มี โดยเฉพาะจีนกับเวียดนาม แต่ไทยมีประสบการณ์ทั้งกับมาเลเซีย และเวียดนามมาก่อนแล้ว เชื่อว่ากับกัมพูชาน่าจะเป็นไปในทางที่ดี”
ส่วนกรณีที่ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) ประสบอุบัติเหตุเพลิงไหม้หอกลั่นน้ำมันหน่วยที่ 3 นั้น ปตท.ได้ปรับแผนการผลิตใหม่เพื่อทดแทนกำลังการผลิตที่หายไปของบางจาก ซึ่งมั่นใจว่า จะไม่มีปัญหาเพราะ ปตท.มีโรงกลั่นในเครือ 8-9 โรง ซึ่งนำมาทดแทนได้