กองทุนฟื้นฟูฯ ยืนยันไม่มีนโยบายขายหุ้น ธ.กรุงไทย เพื่อหาเงินไปชำระหนี้ ยอมรับต้องรับภาระจ่ายดอกเบี้ยเองในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ คาดไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรที่จะครบกำหนดไม่มาก ส่วนปีหน้าอาจเป็นภาระหนัก เพราะยังขาดเงินอีก 6 พันล้าน
นางพวงทิพย์ ปรมาพจน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายจัดการกองทุน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะผู้จัดการกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) กล่าวว่า กองทุนฟื้นฟูฯ ไม่ได้มีการประเมินว่าดอกเบี้ยในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ หรือปีหน้าทิศทางดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นหรือไม่ แต่ถึงดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นจนทำให้ภาระดอกเบี้ยจ่ายพันธบัตรกองทุนฟื้นฟูฯ เพิ่มขึ้นบ้าง ก็ยังเชื่อว่าจะรับภาระไหว ไม่จำเป็นต้องนำหุ้นที่ถืออยู่ในปัจจุบันไปขาย โดยเฉพาะหุ้นของธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
ทั้งนี้ จากการประเมินภาวะดอกเบี้ยจากวงเงินกู้ของกองทุนฟื้นฟูฯ ที่ปัจจุบันเหลืออยู่ประมาณ 1.1 ล้านล้านบาท ซึ่งกองทุนรับภาระชำระหนี้แทนกระทรวงการคลัง ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การปรับปรุงการบริหารหนี้เงินกู้ ที่กระทรวงการคลังกู้ เพื่อช่วยเหลือกองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ พ.ศ.2555 กองทุนต้องรับภาระจ่ายดอกเบี้ยเองในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ (ตุลาคม-ธันวาคม) ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะมีภาระดอกเบี้ยจ่ายดอกเบี้ยพันธบัตรที่จะครบกำหนดไม่มาก ส่วนปี 2556 ถ้าประเมินจากภาระดอกเบี้ยที่กองทุนฟื้นฟูฯ ต้องจ่าย น่าจะมีรายจ่ายมากกว่ารายได้อยู่ประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่ก็ไม่น่าห่วง เราเตรียมเงินสำรองไว้แล้ว
“ปีหน้าที่เราต้องรับภาระจ่ายเองทั้งปีนั้น เราน่าจะขาดเงินอีกประมาณ 6,000 ล้านบาท แต่ถ้าดูจากรายได้ที่จะเข้ามาจากการเก็บค่าธรรมเงินฝากร้อยละ 0.46 คาดว่าจะได้ปีละ 10,000 กว่าล้านบาท และการบริหารสินทรัพย์ของกองทุนฟื้นฟูฯ เองในแต่ละปีแล้วที่มีรายได้อีกก้อนหนึ่ง คิดว่าน่าจะขาดไม่มาก เราหาเงินสำรองมาเผื่อไว้แล้วประมาณ 10,000 ล้านบาท คิดว่าอย่างน้อยในช่วง 2 ปีนี้ คงไม่ต้องห่วงเรื่องการหาเงินมาชำระดอกเบี้ยคิดว่ามีเพียงพอ” นางพวงทิพย์กล่าวทิ้งท้าย