SIRI โชว์ผลประกอบการ Q1/55 ยอดขายไตรมาสแรก สูงกว่า 12,000 ล้านบาท มั่นใจยอดขายทั้งปีทะลุเป้าหมายเดิม 32,000 ล้านบาท ประกาศปรับเป้ายอดขาย (พรีเซลล์) เพิ่มเป็น 36,000 ล้านบาท คุยงานในมือล้น มียอดรอรับรู้รายได้แล้วกว่า 35,000 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าแผนธุรกิจ รักษาอัตราการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมทยอยเปิดโครงการใหม่
นายเศรษฐา ทวีสิน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงผลการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ว่า บริษัทสามารถปิดยอดขายได้สูงถึง 12,000 ล้านบาท คิดเป็นรายได้รวมกว่า 5,182 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 340 ล้านบาท มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 57% เทียบกับไตรมาสแรกปี 2554 ที่มีกำไรสุทธิ 216 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ บริษัทมีการปรับเป้าหมายยอดขายถึง 3 ครั้งในไตรมาสจากเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ 10,000 ล้านบาท รวมทั้งยอดขายที่สามารถทำได้ในไตรมาสนี้ นับว่าเป็นการทุบสถิติการสร้างยอดขายที่สูงที่สุดในประวัติการณ์ที่บริษัทสามารถดำเนินการได้ภายในไตรมาสเดียว
“แสนสิริ จะเป็นบริษัทฯ ที่มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องทั้งยอดขาย รายได้และกำไรในระยะยาว โดยในไตรมาสแรกของปี 2555 สามารถทำยอดขายเติบโตสูงสุดในประวัติศาสตร์ที่ 12,000 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทต้องมีการพิจารณาเป้าหมายยอดขายทั้งปี 2555 ใหม่ จากเดิมทั้งปีตั้งเป้าที่ 32,000 ล้านบาท เป็น 36,000ล้านบาท โดยไตรมาสแรกบริษัทสามารถสร้างยอดขายได้จากโครงการคอนโดมิเนียม HQ ทองหล่อ, theBase พระราม 9-รามคำแหง, dcondo กะทู้-ป่าตอง, dcondo รัตนาธิเบศร์ และโครงการบ้านแฝด ฮาบิเทีย ภูเก็ต เป็นต้น นอกจากนี้บริษัทยังมีการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งสิ้น เป็นจำนวนถึง 15 โครงการใหม่ ซึ่งนับว่ามากที่สุดตั้งแต่บริษัทฯ เคยดำเนินการในไตรมาสเดียว จากแผนการเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ทั้งปีรวมจำนวนทั้งสิ้น 44 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านบาท” นายเศรษฐากล่าว
ทั้งนี้ ในปี 2555 บริษัทฯ ปรับเป้าหมายยอดขายรวมล่าสุดไว้ที่ 36,000 ล้านบาท เติบโตจากปี 2554 ที่มียอดขายรวม 21,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 71% นอกจากนี้ในปัจจุบัน บริษัทฯ ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ใน 3 ปีข้างหน้าแล้วกว่า 35,000 ล้านบาท ซึ่งจากยอดขายที่สูงมาก ณ ปัจจุบัน ทำให้บริษัทมียอดรอรับรู้รายได้ของปี 2555 แล้วเป็นจำนวนถึงกว่า 21,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 75% ของเป้าหมายรายได้จากการขายในปีนี้ที่ตั้งไว้ 28,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตของรายได้ที่ประมาณ 40% เมื่อเทียบกับปี 2554
นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ในปี 2556 อีก 15,000 ล้านบาท รวมทั้งยอดขายรอรับรู้รายได้ของปี 2557 อีกประมาณ 3,500 บาท โดยเฉพาะใน ปี 2556 จะเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ที่มีอัตราการเติบโตสูงที่สุด หลังจากนั้น บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถรักษาอัตราการเติบโตต่อเนื่องได้ประมาณ 10-15% ต่อปี
