เทพธานีกรีฑา ไตรมาสแรกปีนี้กำไร 22 ล้านบาท ผลดีจากกำไรขั้นต้นเพิ่มตามรายได้ที่เติบโต ขณะค่าใช้จ่ายลดลง
นายสุขุมา ชยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน) หรือ CSR กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 21.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.6 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 78.88% เนื่องจาก กำไรขั้นต้นสูง สำหรับงวดไตรมาสที่1/2555 เมื่อเทียบกับปี 54 เพิ่มขึ้น 3.854 ล้านบาท เกิดจากส่วนของธุรกิจสนามกอล์ฟ รายได้จากการบริการสนามกอล์ฟเพิ่มขึ้น 0.469 ล้านบาท
เนื่องจากจำนวนนักกอล์ฟเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนเกี่ยวกับสนามกอล์ฟลดลง 2.338 ล้านบาท จากไตรมาสแรกของปี 54 มีการบันทึกรับรู้ผลประโยชน์พนักงาน รวมถึงค่าซ่อมอุปกรณ์สนามและค่าเสื่อมราคาก็ลดลง
ส่วนของธุรกิจภัตตาคาร รายได้จากภัตตาคารเพิ่มขึ้น 1.075 ล้านบาท และต้นทุนขายของภัตตาคารเพิ่มขึ้น 0.028 ล้านบาท จากต้นทุนอาหารที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินปันผลรับเพิ่มขึ้น 4.106 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสแรกของปี 54 ไม่มีเงินปันผลรับ และรายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.986 ล้านบาท คิดเป็น 14% ส่วนใหญ่จากรายได้เงินปันผล และรายได้ภัตตาคาร
ขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากการบริหารเพิ่มขึ้น 0.094 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายประจำ ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 1.398 ล้านบาท จากการปรับลดอัตราภาษีที่จาก 30% เหลือ 23% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 9.600 ล้านบาท กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น 146.161 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการตีราคาที่ดินตามวิธีรายได้ จึงทำให้กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม สำหรับงวดขาดทุนเพิ่มขึ้น 136.561 ล้านบาท
นายสุขุมา ชยานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทพธานีกรีฑา จำกัด (มหาชน) หรือ CSR กล่าวว่า ไตรมาสแรกปีนี้บริษัทมีกำไรสุทธิ 21.77 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.17 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.6 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 78.88% เนื่องจาก กำไรขั้นต้นสูง สำหรับงวดไตรมาสที่1/2555 เมื่อเทียบกับปี 54 เพิ่มขึ้น 3.854 ล้านบาท เกิดจากส่วนของธุรกิจสนามกอล์ฟ รายได้จากการบริการสนามกอล์ฟเพิ่มขึ้น 0.469 ล้านบาท
เนื่องจากจำนวนนักกอล์ฟเพิ่มขึ้น ขณะที่ต้นทุนเกี่ยวกับสนามกอล์ฟลดลง 2.338 ล้านบาท จากไตรมาสแรกของปี 54 มีการบันทึกรับรู้ผลประโยชน์พนักงาน รวมถึงค่าซ่อมอุปกรณ์สนามและค่าเสื่อมราคาก็ลดลง
ส่วนของธุรกิจภัตตาคาร รายได้จากภัตตาคารเพิ่มขึ้น 1.075 ล้านบาท และต้นทุนขายของภัตตาคารเพิ่มขึ้น 0.028 ล้านบาท จากต้นทุนอาหารที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เงินปันผลรับเพิ่มขึ้น 4.106 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาสแรกของปี 54 ไม่มีเงินปันผลรับ และรายได้รวมเพิ่มขึ้น 5.986 ล้านบาท คิดเป็น 14% ส่วนใหญ่จากรายได้เงินปันผล และรายได้ภัตตาคาร
ขณะที่มีค่าใช้จ่ายจากการบริหารเพิ่มขึ้น 0.094 ล้านบาท จากค่าใช้จ่ายประจำ ส่วนภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 1.398 ล้านบาท จากการปรับลดอัตราภาษีที่จาก 30% เหลือ 23% ส่งผลให้บริษัทฯ มีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 9.600 ล้านบาท กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จอื่น มีผลขาดทุนเพิ่มขึ้น 146.161 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการตีราคาที่ดินตามวิธีรายได้ จึงทำให้กำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จรวม สำหรับงวดขาดทุนเพิ่มขึ้น 136.561 ล้านบาท