หุ้นเครือโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กระแสตอบรับแรงตามคาด ที่ปรึกษาทางการเงินเผย นักลงทุนมั่นใจศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ คาดผู้ที่พลาดจากการจองซื้อ เตรียมเข้าซื้อในวันเทรดวันแรก 9 พฤษภาคมนี้ ด้านผู้บริหารปลื้ม นักลงทุนไว้ใจ ประกาศพร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจ สร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตที่ยั่งยืน
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย หุ้นสามัญเพิ่มทุนของเครือโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล (VIH) เปิดเผยว่า การเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป (IPO) ในวันที่ 30 เมษายน และ 2 พฤษภาคม 55 ประสบผลสำเร็จเป็นอย่างดี โดยได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเข้ามามากกว่าจำนวนหุ้นที่นำออกจำหน่ายอย่างมาก ทำให้มีผู้พลาดหวังจากการจองซื้อจำนวนมาก
“เราเชื่อว่า การที่นักลงทุนให้ความสนใจหุ้นของเครือโรงพยาบาลวิชัยเวชฯ อย่างมาก มาจากความมั่นใจในอนาคต โอกาส และศักยภาพในการเติบโตของธุรกิจ เนื่องจากธุรกิจโรงพยาบาลอยู่ในความสนใจของนักลงทุน และยิ่งเมื่อได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐ ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเมดิคอล ฮับ ของเอเชีย ทำให้ธุรกิจมีโอกาสขยายตัวมากยิ่งขึ้น ขณะที่เครือโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ก็มีจุดแข็ง และศักยภาพการเติบโตที่น่าสนใจ จึงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดี” นายมนตรีกล่าว
สำหรับนักลงทุนที่พลาดหวังจากการจองซื้อ ได้แสดงความสนใจจะเข้าซื้อหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในวันซื้อขายหุ้นวันแรกของ VIH ซึ่งคาดว่าจะเป็นวันที่ 9 พฤษภาคม 55 นี้
ทั้งนี้ เครือโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล ดำเนินกิจการภายใต้ชื่อบริษัท ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ จำกัด (มหาชน) มีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 535 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ 535 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยเป็นทุนจดทะเบียนชำระแล้วก่อน IPO 400 ล้านบาท และจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปในครั้งนี้ 135 ล้านหุ้น โดยกำหนดราคาขายหุ้นละ 1.25 บาท
ด้าน ผศ.พญ.สายสุณี วนดุรงค์วรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เครือโรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า บริษัทฯ ขอขอบคุณนักลงทุนที่ไว้วางใจ และให้การตอบรับหุ้นของบริษัทฯ เป็นอย่างดี ซึ่งการระดมทุนจากหุ้น IPO ครั้งนี้ จะนำมาใช้ในการขยายธุรกิจเพื่อยกระดับคุณภาพการให้บริการให้มีมาตรฐานระดับสากล และมีความครบวงจรมากยิ่งขึ้น