หุ้นไทยบวกเพิ่มอีก 10 จุด พอร์ตโบรกฯ จูงต่างชาติ และสถาบันเข้าซื้อสุทธิ รับปัจจัยบวกทั้งในแ ละต่างประเทศที่ผลักดันให้ตลาดหุ้นต่างๆ ปรับตัวขึ้น โบรกฯ ประเมิน มีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อ แต่ต้องระมัดระวังการลงทุน เหตุปรับตัวขึ้นมามากแล้ว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2 พ.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ โดยปิดที่ระดับ 1,239.06 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด หรือ 0.86% มูลค่าการซื้อขาย 38,696 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงที่ระดับ 1,241.13 จุด และต่ำสุด 1,233.77 จุด
ทั้งนี้พบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 810.32 ล้านบาท 628.87 ล้านบาท และ 505.82 ล้านบาท ตามลำดับ
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดที่ปรับขึ้นได้โดดเด่นต่อเนื่อง ถึงแม้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นโดยทั่วไป ทั้งตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียด้วยกัน ปัจจัยหนุนหลักเป็นเรื่องเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นภาพบวก ผนวกกับเรื่องแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/55 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวกด้วย จะเป็นแรงผลักดันที่ดีต่อทิศทางดัชนีหุ้นไทย ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศที่เป็นบวกยังเป็นตัวช่วยค่อนข้างดี ทั้งดาวโจนส์ และยุโรป
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไทยปรับขึ้นตาม sentiment ของตลาดที่ดีอยู่ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบ โดยนักลงทุนพยายามหาหุ้นที่ Laggard เทรดดิ้งกลับขึ้นไป โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มปิโตรเคมี
สำหรับการลงทุนวันนี้ (3 พ.ค.) ประเมินว่า ดัชนียังเป็นลักษณะที่ดีต่อเนื่อง อาจทำให้ดัชนีทะลุแนวต้าน 1,242 จุดขึ้นไปในระยะสั้น แต่หากขึ้นไปตามที่คาดการณ์ จะทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น แนวต้านถัดไป 1,252 จุด แนวรับ 1,220 จุด จึงแนะนำนักลงทุนเทรดดิ้งด้วยความระมัดระวัง เลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยปัจจัยที่ต้องตามคือ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะประกาศออกมา แต่น้ำหนักคงไม่มาก เพราะน้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ sentiment ดี
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (2 พ.ค.) ดัชนีปรับตัวเพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นๆ ในต่างประเทศ โดยปิดที่ระดับ 1,239.06 จุด เพิ่มขึ้น 10.57 จุด หรือ 0.86% มูลค่าการซื้อขาย 38,696 ล้านบาท ระหว่างวันปรับตัวสูงที่ระดับ 1,241.13 จุด และต่ำสุด 1,233.77 จุด
ทั้งนี้พบว่า บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ นักลงทุนต่างชาติ และนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิ 810.32 ล้านบาท 628.87 ล้านบาท และ 505.82 ล้านบาท ตามลำดับ
นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ ผู้บริหารสายงานวิเคราะห์หลักทรัพย์ และกลยุทธ์การลงทุน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นตลาดที่ปรับขึ้นได้โดดเด่นต่อเนื่อง ถึงแม้เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา จะแข็งแกร่งกว่าตลาดหุ้นโดยทั่วไป ทั้งตลาดหุ้นในสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชียด้วยกัน ปัจจัยหนุนหลักเป็นเรื่องเศรษฐกิจในประเทศที่เป็นภาพบวก ผนวกกับเรื่องแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 1/55 ที่คาดว่าจะออกมาเป็นบวกด้วย จะเป็นแรงผลักดันที่ดีต่อทิศทางดัชนีหุ้นไทย ขณะเดียวกัน ตลาดต่างประเทศที่เป็นบวกยังเป็นตัวช่วยค่อนข้างดี ทั้งดาวโจนส์ และยุโรป
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยไทยปรับขึ้นตาม sentiment ของตลาดที่ดีอยู่ ขณะที่ยังไม่มีปัจจัยใหม่ๆ เข้ามากระทบ โดยนักลงทุนพยายามหาหุ้นที่ Laggard เทรดดิ้งกลับขึ้นไป โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มปิโตรเคมี
สำหรับการลงทุนวันนี้ (3 พ.ค.) ประเมินว่า ดัชนียังเป็นลักษณะที่ดีต่อเนื่อง อาจทำให้ดัชนีทะลุแนวต้าน 1,242 จุดขึ้นไปในระยะสั้น แต่หากขึ้นไปตามที่คาดการณ์ จะทำให้ความเสี่ยงสูงขึ้น แนวต้านถัดไป 1,252 จุด แนวรับ 1,220 จุด จึงแนะนำนักลงทุนเทรดดิ้งด้วยความระมัดระวัง เลือกหุ้นเป็นรายตัว โดยปัจจัยที่ต้องตามคือ ตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ที่จะประกาศออกมา แต่น้ำหนักคงไม่มาก เพราะน้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ที่ sentiment ดี