ผู้บริหาร “ตลาดอนุพันธ์” เผยไตรมาส 2 เตรียมเพิ่มสินค้าใหม่ “ดอลลาร์ฟิวเจอร์ส” เข้าเทรดใน ไตรมาส 2 ปีนี้ เพื่อเพิ่มสินค้า ลดความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เบื้องต้น กำหนดขนาดสัญญาละ 1 พันดอลลาร์ หรือประมาณ 3 หมื่นบาท พร้อมเปิดโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ แม้ว่าจะไม่มีการถือดอลลาร์อยู่ก็ตาม
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการผู้จัดการ บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TFEX กล่าวในการสัมมนา “ก้าวสู่ปีที่ 7 ของตลาดอนุพันธ์” โดยระบุว่า ไตรมาส 2 ปีนี้ ตลาดอนุพันธ์จะเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทต่อเงินดอลลาร์สหรัฐ หรือ USD Futures โดยขนาดของสัญญา เท่ากับ 1,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 30,000 บาทต่อหนึ่งสัญญา และจะซื้อขายเป็นเงินบาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ การซื้อขาย USD Futures ถือเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดเล็ก (SMEs) สามารถป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนได้ และเป็นประโยชน์ต่อผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ที่ลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีราคา หรือผลตอบแทนขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวของเงินตราต่างประเทศ เช่น กองทุนรวมเพื่อการลงทุนในต่างประเทศ, Gold Futures, Oil Futures, Silver Futures ในการกำหนดค่าเงินบาทในอนาคต และทำให้ผลตอบแทนโดยรวมขึ้นอยู่กับผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ไปลงทุนเพียงอย่างเดียว นอกจากนี้ ยังเปิดโอกาสให้นักลงทุนทำกำไรจากการเคลื่อนไหวของค่าเงินได้ แม้ว่าผู้ลงทุนจะไม่มีการถือดอลลาร์อยู่ก็ตาม
นางเกศรา กล่าวว่า ตลอด 6 ปีที่ตลาดอนุพันธ์ได้เปิดดำเนินการมา มีผู้ลงทุนและผู้ประกอบการให้ความสนใจซื้อขายสินค้าในตลาดอนุพันธ์เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2554 ที่ผ่านมาเป็นปีที่มีการเติบโตของตลาดอนุพันธ์ โดยมีการทำสถิติปริมาณการซื้อขายสูงสุดในวันที่ 26 กันยายน 2554 ที่ 155,955 สัญญา โดย SET 50 Futures เป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 41 ในไตรมาสแรก ปี 2555 ของปริมาณซื้อขายของสินค้าอนุพันธ์ทั้งหมด รองลงมาคือ Gold Futures คิดเป็นสัดส่วน ร้อยละ 40
สำหรับจำนวนผู้ลงทุนที่เปิดบัญชีซื้อขายอนุพันธ์ มีอัตราการเจริญเติบโตเฉลี่ยร้อยละ 61 ต่อปี โดยสิ้นเดือนมีนาคม 2555 มีจำนวนบัญชีทั้งสิ้น 67,390 บัญชี โดยเป็นผู้ลงทุนรายบุคคล 64,669 บัญชี ผู้ลงทุนสถาบัน 1,653 บัญชี และผู้ลงทุนต่างปะเทศ 1,068 บัญชี โดยปริมาณการซื้อขายส่วนใหญ่มาจากผู้ลงทุนรายบุคคล โดยในไตรมาส 1 ปี 2555 มีผู้ลงทุนทั่วไปซื้อขายเป็นสัดส่วนร้อยละ 54.58 ผู้ลงทุนสถาบัน ร้อยละ 39.15 และผู้ลงทุนต่างประเทศ ร้อยละ 6.28