xs
xsm
sm
md
lg

เวชธานีรับAEC ทุ่มเงิน100ล้านอัพเกรดบริการ เร่งสรุปผู้ร่วมทุนสร้างความแข็งแกร่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“เวชธานี” แนะโรงพยาบาลเอกชนร่วมมือรับ ศึกเออีซี เปิดแผนรุกหนัก ทุ่มงบ 100 ล้านบาทอัพเกรดบริการ เร่งสรุปผู้ร่วมทุนสร้างแกร่ง ขยายฐานต่างชาติเพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าเข้าตลาดหุ้น คาดปีนี้รายได้รวม 2,000 ล้านบาท

ผศ.นพ.ก่อพงศ์ รุกขพันธ์ ผู้อำนวยการปฏิบัติการ บริษัท โรงพยาบาลเวชธานี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผู้ประกอบการโรงพยาบาลเอกชนของไทย ควรที่จะมีการร่วมมือกันทางด้านการบริการและรักษาเหมือนในต่างประเทศ เพื่อเป็นการรับมือกับการเปิดเออีซี ในปี 2558 นี้ ซึ่งจะส่งผลให้ธุรกิจโรงพยาบาลแข่งขันรุนแรงมากขึ้น แม้ว่าโรงพยาบาลของไทยจะมีศักยภาพและมีความแข็งแกร่งในการรับมือต่างชาติได้ก็ตามรวมทั้งค่าบริการยังต่ำกว่าที่สิงคโปร์เกือบ 3 เท่าถือเป็นจุดแข็งได้ดี

ในส่วนของโรงพยาบาลเวชธานี มีแผนรับมือแล้ว โดยเตรียมนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ หลังจากดำเนินงานมา 18 ปี มีเตียงคนไข้จำนวน 200 เตียง วางเป้าหมายเป็นโรงพยาบาลระดับกลางแต่มีการบริการแบบ 5 ดาว โดยจะดึงมืออาชีพในด้านของการบริการจากโรงแรม 5 ดาว เข้ามาเสริมความแข็งแกร่ง รวมทั้งแผนการร่วมมือกับโรงพยาบาลในประเทศและต่างประเทศเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาร่วมทุนคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ รวมไปถึงการที่จะเพิ่มความเชี่ยวชาญในด้านของการทำศัลยกรรมตกแต่ง เพื่อให้อีก 2-3 ปีนับจากนี้ขึ้นเป็นผู้นำในด้านของการบริการด้านสุขภาพและความงาม

“จริงๆแล้วโรงพยาบาลของเรามีความชำนาญเรื่องของกระดูกตั้งแต่หัวจรดเท้า และจะเพิ่มการบริการรักษาใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง โดยต้องลงทุนไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งล่าสุดก็ได้มีการเปิดศูนย์โรค ระบบทางเดินอาหารและตับ (GI Center) และยังมีแผนที่จะนำหุ่นยนต์ เข้ามาช่วยจ่ายยา เพื่อลดความผิดพลาด ถูกต้องและรวดเร็ว
โดยคาดว่าภายในกลางปีนี้จะเริ่มนำหุ่นยนต์มาให้บริการได้ และการนำแท็บเลทเข้ามาช่วยในการรักษา และตรวจสอบข้อมูลของคนไข้ ซึ่งวันที่ 25 เม.ย.นี้น่าจะเริ่มนำระบบดังกล่าวมาใช้” ผศ.นพ.ก่อพงศ์กล่าว

รวมทั้งแผนการพัฒนาการรักษาและการบริการให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างประเทศ โดยปีนี้จะขยายฐานลูกค้าชาวญี่ปุ่น ด้วยการเปิดบริการรักษาโรคเรื้อรังและโรคเสื่อม หลังจากทดลองขยายกลุ่มลูกค้าต่างประเทศเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา โดยขณะนี้มีลูกค้า ชาวต่างชาติสัดส่วน 50% กลุ่มลูกค้าหลัก เช่น อาหรับ และออสเตรเลีย โดยคาดว่าปีนี้จะมีรายได้รวม2,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีรายได้ 1,400 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น