ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหลักทรัพย์ฯ เผยฐานะบจ.แกร่ง ปี 54 ประกาศจ่ายเงินปันผลรวม 311 แห่ง มูลค่ารวม 3.26 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7% คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทนอยู่ระดับ 3.87% นำโดย DTAC, PTT , ADVANC ,PTTEP และ INTUCH จ่ายปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึง การจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จากผลประกอบการปี 2554 ว่า ข้อมูล ณ วันที่ 8 มีนาคม 2555 มีบจ. ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 54 รวมทั้งสิ้น 311 บริษัท มูลค่ารวม 326,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.00% คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 16.71% นับแต่ปี 2551 รวมทั้งยังเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลที่สูงที่สุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับแต่ปี 2552
ทั้งนี้ มูลค่าการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงผลประกอบการของบจ. ที่เติบโตต่อเนื่อง แม้ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนเพิ่ม และผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลปี 2554 เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประกอบด้วย หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดบริการเฉพาะกิจ
หากพิจารณาบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 311 แห่ง (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) สามารถแบ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) จำนวน 270 แห่ง มูลค่าเงินปันผลรวม 324,311 ล้านบาท และบริษัทที่จดทะเบียนในเอ็นเอไอ (mai) 41 แห่ง มูลค่าเงินปันผลรวม 1,798 ล้านบาท โดยรวมคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 3.87% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) 53.42%
อย่างไรก็ตาม นอกจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังมีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผล (Stock Dividend) โดยปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผลแล้ว 24 แห่ง มีมูลค่ารวม 35,735 ล้านบาท
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD)จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2554 รวม 137,350 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 5.02% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) 58.28%
ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) โดยเงินปันผลของทั้ง 5 บริษัทมีมูลค่ารวม 139,978 ล้านบาท หรือ 43.16% ของมูลค่าปันผลรวมทั้งหมดใน SET
ขณะที่บริษัทใน mai ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC)บมจ. ถิรไทย (TRT) บมจ. เกียรติธนาขนส่ง (KIAT) และ บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) โดยเงินปันผลของทั้ง 5 บริษัทมีมูลค่ารวม 566 ล้านบาท หรือ 31.46% ของมูลค่าปันผลรวมทั้งหมดใน mai
สำหรับหมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด (13 มี.ค.) ของบจ.ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ราคาปิด 72.50 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.75 บาท หรือคิดเป็น 1.05% PTT ปิดที่ 342 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 1.16% ADVANC ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือ +3.72% PTTEP ปิดที่ 177.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.84% และ INTUCH ปิดที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 4.61%
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ สายงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน และผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยถึง การจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จากผลประกอบการปี 2554 ว่า ข้อมูล ณ วันที่ 8 มีนาคม 2555 มีบจ. ประกาศจ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 54 รวมทั้งสิ้น 311 บริษัท มูลค่ารวม 326,109 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.00% คิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยปีละ 16.71% นับแต่ปี 2551 รวมทั้งยังเป็นมูลค่าการจ่ายเงินปันผลที่สูงที่สุดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 นับแต่ปี 2552
ทั้งนี้ มูลค่าการจ่ายเงินปันผลที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงผลประกอบการของบจ. ที่เติบโตต่อเนื่อง แม้ในปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการต้องเผชิญกับปัญหาต้นทุนเพิ่ม และผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม นอกจากนี้ยังสะท้อนถึงกระแสเงินสดจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
สำหรับหมวดธุรกิจที่มีมูลค่าการจ่ายเงินปันผลปี 2554 เพิ่มขึ้นจากปี 2553 ประกอบด้วย หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง หมวดอาหารและเครื่องดื่ม และหมวดบริการเฉพาะกิจ
หากพิจารณาบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายเงินปันผลรวมทั้งสิ้น 311 แห่ง (ไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์) สามารถแบ่งเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ (SET) จำนวน 270 แห่ง มูลค่าเงินปันผลรวม 324,311 ล้านบาท และบริษัทที่จดทะเบียนในเอ็นเอไอ (mai) 41 แห่ง มูลค่าเงินปันผลรวม 1,798 ล้านบาท โดยรวมคิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 3.87% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) 53.42%
อย่างไรก็ตาม นอกจากการจ่ายเงินปันผลแล้ว ยังมีบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผล (Stock Dividend) โดยปัจจุบัน มีบริษัทจดทะเบียนที่ประกาศจ่ายหุ้นปันผลแล้ว 24 แห่ง มีมูลค่ารวม 35,735 ล้านบาท
สำหรับบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในดัชนี SET High Dividend 30 Index (SETHD)จ่ายเงินปันผลจากผลประกอบการปี 2554 รวม 137,350 ล้านบาท คิดเป็นอัตราเงินปันผลตอบแทน (Dividend Yield) 5.02% และอัตราการจ่ายเงินปันผล (Payout Ratio) 58.28%
ส่วนบริษัทจดทะเบียนใน SET ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) บมจ. ปตท. (PTT) บมจ. แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (ADVANC) บมจ. ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) และ บมจ.ชิน คอร์ปอเรชั่น (INTUCH) โดยเงินปันผลของทั้ง 5 บริษัทมีมูลค่ารวม 139,978 ล้านบาท หรือ 43.16% ของมูลค่าปันผลรวมทั้งหมดใน SET
ขณะที่บริษัทใน mai ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. โกลด์ไฟน์ แมนูแฟคเจอเรอส์ (GFM) บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC)บมจ. ถิรไทย (TRT) บมจ. เกียรติธนาขนส่ง (KIAT) และ บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) โดยเงินปันผลของทั้ง 5 บริษัทมีมูลค่ารวม 566 ล้านบาท หรือ 31.46% ของมูลค่าปันผลรวมทั้งหมดใน mai
สำหรับหมวดธุรกิจที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ หมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค หมวดธนาคาร หมวดวัสดุก่อสร้าง และหมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์
ด้านความเคลื่อนไหวราคาหุ้นล่าสุด (13 มี.ค.) ของบจ.ที่จ่ายเงินปันผลสูงสุด 5 อันดับแรก ประกอบด้วย ราคาปิด 72.50 บาท เพิ่มขึ้นจากวันก่อน 0.75 บาท หรือคิดเป็น 1.05% PTT ปิดที่ 342 บาท ลดลง 4 บาท หรือ 1.16% ADVANC ปิดที่ 167.50 บาท เพิ่มขึ้น 6 บาท หรือ +3.72% PTTEP ปิดที่ 177.50 บาท ลดลง 1.50 บาท หรือ 0.84% และ INTUCH ปิดที่ 56.75 บาท เพิ่มขึ้น 2.50 บาท หรือ 4.61%
