ปชป. แฉ ราคาหุ้น "แสนสิริ-เอสซี" พุ่งสูง 50-60% ผิดปรกติ หลังภารกิจ ว.5 โฟรซีซั่นส์ สวนทางหุ้นใหญ่กลุ่มอสังหาฯ "พฤกษา-แลนด์แอนด์เฮาส์" ที่ขยับขึ้นเพียง 1.5% กังขาการพบกันระหว่าง ผู้ที่มีแผนยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ กับผู้ที่มีกำลังกว้านซื้อที่ดิน เป็นที่น่าสงสัยอยู่ดี เรียกร้องให้ทำความจริงให้กระจ่าง ยืนยันเดินหน้าตรวจสอบ ท้าอย่าฟ้องแก้เก้อ หรือตัดตอนในชั้นพนักงานสอบสวน
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พบปะนักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ ที่ชั้น 7 โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์ โดยยืนยันว่า นับจากที่ประเด็นนี้ออกสู่สาธารณะ นอกจากนายกรัฐมนตรีจะชี้แจงไม่ชัดเจนแล้ว ตนยังได้รับข้อมูลที่น่าตั้งข้อสังเกต ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับการประเมินราคาที่ดินรอบใหม่ กล่าวคือ ราคาหุ้นอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ของนายเศรษฐา ทวีสิน ซึ่งยืนยันว่าพบกับนายกรัฐมนตรีจริงนั้น มีราคาสูงขึ้น
โดยแต่เดิมข้อมูล ณ วันที่ 12 ตุลาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงเวลาก่อนหารือกันนั้น ราคาหุ้นของบริษัทแสนสิริอยู่ที่ราคาหุ้นละ 1.16 บาท แต่ข้อมูล ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังจากที่มีการหารือกันแล้ว ราคาหุ้นกลับขึ้นสูงกว่าเดิม เป็นหุ้นละ 1.88 บาท ซึ่งคิดเป็นสูงขึ้นในอัตรา 62 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับบริษัทเอสซี แอสเสท จำกัด (มหาชน) ที่นายกรัฐมนตรีเคยเป็นผู้บริหาร ซึ่งเคยมีราคาหุ้นในวันที่ 12 ตุลาคม 2554 อยู่ที่หุ้นละ 10.10 บาท แต่ข้อมูล ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 กลับพบว่าสูงขึ้นเป็นหุ้นละ 14.70 คิดเป็น 45.5 เปอร์เซ็นต์
นายชวนนท์ ยังกล่าวเสริมว่า ราคาหุ้นของ 2 บริษัท ที่มีรายงานข่าวระบุว่าได้มีการพบปะกันจริงที่โรงแรมโฟร์ซีซั่นส์นั้น น่าสงสัย และน่าคิดต่อว่า การหารือในครั้งนั้นมีการนำข้อมูลใดของรัฐไปบอกกับนักธุรกิจ หรือไม่
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท แลนด์แอนด์เฮาส์ จำกัด (มหาชน) ของนายอนันต์ อัศวโภคิน ที่มีคนพยายามโยงไปว่าอยู่ในวงหารือด้วยนั้น กลับพบว่ามีราคาไม่เปลี่ยนแปลง คืออยู่ที่ 6.50 บาท ทั้ง 2 ช่วง ขณะที่บริษัทพฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) ซึ่งมียอดขายอสังหาริมทรัพย์เป็นลำดับที่ 1 กลับพบว่า มีอัตราสูงขึ้นเพียง 1.49 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ซึ่งน้อยกว่าบริษัทแสนศิริ และเอสซี แอสเสท อีก
ดังนั้น การที่นายกฯ บอกว่าไปพบและพูดคุยกับนักธุรกิจแล้วไม่มีอะไรเสียหายนั้นไม่จริง เพราะการพบกันได้สร้างการเปลี่ยนแปลงให้กับราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัท อีกทั้งการพบกันระหว่างผู้ที่มีแผนยุทธศาสตร์ เพื่อวางระบบบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ (กยน.) กับผู้ที่มีกำลังกว้านซื้อที่ดิน ก็เป็นที่น่าสงสัยอยู่ดี จึงขอเรียกร้องให้ทำความจริงให้กระจ่าง
"ผมยืนยันที่จะติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป แม้ว่าจะถูกนายกฯ ฟ้อง ผมไม่กลัว และขอให้มีการฟ้องร้องจริง ขออย่าให้ฟ้องแก้เกี้ยว เพื่อจะทำให้เรื่องสู่ศาลอันจะนำมาซึ่งการตรวจสอบที่ชั้น 7 ขออย่าให้ตัดตอนในชั้นพนักงานสอบสวน" นายชวนนท์ กล่าวสรุปทิ้งท้าย