ASTV ผู้จัดการายวัน - "แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี" แรงยังดี โชว์ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 68.55 ล้านบาท ผู้บริหารไม่หวั่นสถานการณ์น้ำท่วมกระทบ ยืนยันพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ทั้งกำแพงกั้นน้ำ รุกเพิ่มช่องทางกระจายรายได้ทั้งในและต่างประเทศ ชดเชยส่วนลูกค้าที่หายไป มั่นใจหลังผ่านพ้นวิกฤตออเดอร์จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง และยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นได้ตามที่ประมาณการก่อนหน้านี้
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโดยรวมจะเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งได้ส่งผลต่อการชะลอตัวในแง่ของคำสั่งซื้อต่างๆ แต่หากพิจารณาในแง่ของผลประกอบการของบริษัท ถือว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี เห็นได้จากผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 20.85 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจำนวน 25.57 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนของปีนี้ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 68.55 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.04 ล้านบาท
สาเหตุที่กำไรสุทธิโดยรวมของกลุ่มบริษัท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก Halcyon Technology (Philippines) Inc. (HP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนขายในส่วนของ HP เพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 ล้านบาท และยังมีดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาส 3/2554 จากเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น 1.84 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้จากการขายโดยรวมงวดไตรมาส3/2554 ของบริษัทลดลงเหลือ 105.97 ล้านบาท เทียบจากไตรมาส 2/2554 อยู่ที่ 108.26 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทย่อยปรับตัวลดลง เป็นไปตาม cycle ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ชะลอตัวในไตรมาส3/2554 ส่งผลกระทบถึงรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม รายได้ในส่วนของ HP มีการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 21.52 ล้านบาทในไตรมาส 2/2554 เป็น 22.30 ล้านบาทในไตรมาส 3/2554
โดยจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และได้ลุกลามมายังนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ในเบื้องต้นบริษัทได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยได้สร้างกำแพงสูงขนาด 2.1 เมตร เพื่อรองรับกระแสน้ำที่จะหลากเข้ามาในบริเวณโรงงาน ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ เพิ่มช่องทางในการกระจายรายได้เพื่อมาชดเชยในส่วนลูกค้าของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ด้วยการเพิ่มการส่งออกไปยังต่างประเทศ เพิ่มขึ้น โดยผ่านบริษัทย่อย HP ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องมือตัด (Cutting Tools)
"ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต แม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เข้ามากระทบบ้าง ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่บริษัทก็ยังสามารถประคองผลการดำเนินงานให้มีกำไรได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้เพิ่มช่องทางในการกระจายรายได้เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป "
อย่างไรก็ตามจากการประเมินในเบื้องต้นพบว่า ผู้ผลิต Cutting Tools หลายรายประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้เครื่องจักรได้รับความเสียหาย แต่ HTECH ยังสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในระยะเวลาอันสั้น หากสถานการณ์น้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กลุ่มลูกค้าบางส่วนจะเริ่มจัดการกับธุรกิจของตัวเองให้เข้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการระดมซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาทดแทนส่วนที่เสียหาย ทันทีที่ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมเดินเครื่องใหม่ น่าจะส่งผลให้บริษัทได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ด้วย โดยเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นความต้องการทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก เนื่องจากในช่วงนี้เกิดการขาดตลาดของ HDD จากผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างมาก ทำให้เชื่อว่าปีนี้บริษัทน่าจะยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 40% ได้
นายพีท ริมชลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แฮลเซี่ยน เทคโนโลยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ HTECH เปิดเผยว่า แม้ในช่วงที่ผ่านมาอุตสาหกรรมโดยรวมจะเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ซึ่งได้ส่งผลต่อการชะลอตัวในแง่ของคำสั่งซื้อต่างๆ แต่หากพิจารณาในแง่ของผลประกอบการของบริษัท ถือว่ายังเติบโตอยู่ในทิศทางที่ดี เห็นได้จากผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2554 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 20.85 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิจำนวน 25.57 ล้านบาท ขณะที่งวด 9 เดือนของปีนี้ มีกำไรสุทธิทั้งสิ้น 68.55 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 77.04 ล้านบาท
สาเหตุที่กำไรสุทธิโดยรวมของกลุ่มบริษัท ปรับตัวลดลงเล็กน้อย เนื่องจาก Halcyon Technology (Philippines) Inc. (HP) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย มีการผลิตเพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนขายในส่วนของ HP เพิ่มขึ้นประมาณ 3.5 ล้านบาท และยังมีดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาส 3/2554 จากเงินกู้ยืมเพิ่มขึ้น 1.84 ล้านบาทเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ขณะที่รายได้จากการขายโดยรวมงวดไตรมาส3/2554 ของบริษัทลดลงเหลือ 105.97 ล้านบาท เทียบจากไตรมาส 2/2554 อยู่ที่ 108.26 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ของบริษัทย่อยปรับตัวลดลง เป็นไปตาม cycle ของอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HARD DISK DRIVE (HDD) ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่ชะลอตัวในไตรมาส3/2554 ส่งผลกระทบถึงรายได้ของบริษัท อย่างไรก็ตาม รายได้ในส่วนของ HP มีการ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จาก 21.52 ล้านบาทในไตรมาส 2/2554 เป็น 22.30 ล้านบาทในไตรมาส 3/2554
โดยจากสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้น และได้ลุกลามมายังนิคมอุตสาหกรรมบางชัน ในเบื้องต้นบริษัทได้เตรียมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยได้สร้างกำแพงสูงขนาด 2.1 เมตร เพื่อรองรับกระแสน้ำที่จะหลากเข้ามาในบริเวณโรงงาน ขณะเดียวกันบริษัทยังได้ เพิ่มช่องทางในการกระจายรายได้เพื่อมาชดเชยในส่วนลูกค้าของบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม ด้วยการเพิ่มการส่งออกไปยังต่างประเทศ เพิ่มขึ้น โดยผ่านบริษัทย่อย HP ซึ่งประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องมือตัด (Cutting Tools)
"ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมากลุ่มบริษัทได้ทำงานกันอย่างเต็มที่ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับบริษัทในอนาคต แม้จะมีปัจจัยลบต่างๆ เข้ามากระทบบ้าง ทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจในตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป รวมถึงปัญหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่บริษัทก็ยังสามารถประคองผลการดำเนินงานให้มีกำไรได้อย่างต่อเนื่อง พร้อมกับได้เพิ่มช่องทางในการกระจายรายได้เพื่อชดเชยส่วนที่ขาดหายไป "
อย่างไรก็ตามจากการประเมินในเบื้องต้นพบว่า ผู้ผลิต Cutting Tools หลายรายประสบปัญหาน้ำท่วม ทำให้เครื่องจักรได้รับความเสียหาย แต่ HTECH ยังสามารถดำเนินการผลิตได้อย่างเต็มที่ และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ในระยะเวลาอันสั้น หากสถานการณ์น้ำท่วมกลับเข้าสู่ภาวะปกติ กลุ่มลูกค้าบางส่วนจะเริ่มจัดการกับธุรกิจของตัวเองให้เข้าที่ ไม่ว่าจะเป็นการระดมซื้อเครื่องจักรใหม่เข้ามาทดแทนส่วนที่เสียหาย ทันทีที่ลูกค้ากลุ่มนี้พร้อมเดินเครื่องใหม่ น่าจะส่งผลให้บริษัทได้รับอานิสงส์ในครั้งนี้ด้วย โดยเชื่อว่าเมื่อถึงเวลานั้นความต้องการทางอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมชิ้นส่วน HDD และอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ จะมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างคึกคัก เนื่องจากในช่วงนี้เกิดการขาดตลาดของ HDD จากผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยอย่างมาก ทำให้เชื่อว่าปีนี้บริษัทน่าจะยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นที่ประมาณ 40% ได้