ธปท.เปิดทางบล.ทำธุรกรรม FX เพื่อธุรกรรมของตนเองได้ รวมทั้งเปิดซื้อขายสัญญาเงินตราต่างประเทศล่วงหน้าผ่านTFEX คาดทำได้ในปีหน้า พร้อมเปิดให้ธนาคารต่างประเทศเข้ามาเปิดบริการในประเทศเร็วขึ้น จากเดิมมาสเตอร์แพลนกำหนดปี 57 ปฎิเสธเก็บค่าต๋งธนาคารพาณิชย์เพิ่มใช้หนี้กองทุนฟื้นฟูระบุกฎหมายไม่ให้ทำ
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นช่วงที่ครบกำหนดการหารือระหว่างธปท. กับกระทรวงการคลัง ซึ่งกำหนดว่า จะหารือกันเดือนละ 1 ครั้ง โดยขณะนี้ ธปท.พร้อมตอบโจทย์ให้กับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ใน 3 เรื่องในส่วนของระบบสถาบันการเงิน
"เรื่องการบ้านของกระทรวงการคลังที่ให้เพิ่ม 3 ข้อ ถือว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ยากนัก และขณะนี้เราได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโจทย์ทั้ง 3 ข้อนี้ น่าจะเห็นได้ในปีนี้" นายประสาร กล่าว
โดยเรื่องที่สามารถดำเนินการเป็นเรื่องแรก เพราะอยู่ในแผนของธปท.อยู่แล้ว คือ การเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) เร็วกว่ากำหนด ซึ่งเรื่องนี้ได้ตกลงกับ บริษัทตลาดอนุพันธ์ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มมีการซื้อขายได้ในปีหน้า แต่กรณีนี้ ในช่วงแรกขอให้เป็นการซื้อขายล่วงหน้าของคนไทยก่อน ยังไม่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำ เพราะจะทำให้จำนวนธุรกรรมมีมากเกินไป
สำหรับเรื่องที่ 2 การให้ธปท.ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะให้บริษัทหลักทรัพย์เข้ามาทำธุรกิจการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อธุรกรรมของเขาเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งธุรกรรมในส่วนนี้ บริษัทตลาดอนุพันธ์ (TFEX) จะเป็นคนทำสัญญา และวางระบบคอมพิเตอร์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ 3 กรณีเร่งเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ เข้ามาเปิดสาขาและแข่งขันในประเทศมากขึ้นนั้น ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ฉบับที่ 2 (มาสเตอร์แพลน 2) ของเรามีกำหนดไว้ชัดเจนว่า จะเปิดให้สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีอยู่ในประเทศแล้ว ขอยกระดับขึ้นเป็นธนาคารลูกของธนาคารต่างประเทศในไทย ซึ่งจะทำธุรกรรมทางการเงินได้มากขึ้น
ในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป และเปิดให้ต่างชาติรายใหม่เข้ามาขอใบอนุญาตเปิดธนาคารลูกในไทยได้ในปี 2557 ถ้าจะเปลี่ยนแปลงกำหนดเดิมที่ได้รับการอนุมัติจากครม.ไปแล้ว ก็คงจะต้องเข้าครม.ใหม่อีกครั้งเพื่อเร่งเวลาให้เร็วขึ้น
ขณะที่เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อนำไปใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้น เท่าที่ศึกษากฎหมายของเราไม่ได้เปิดช่องให้ทำแบบนั้นได้ และต้องพิจารณาด้วยว่า การเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อผู้บริโภคด้วยหรือไม่ นอกจากนั้น ตามนโยบายของธปท.ในขณะนี้ ยังส่งเสริมให้ประชาชนลดใช้เงินสด และหันมาทำธุรกรรมผ่านระบบอิเลกทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ดังนั้น อาจจะสวนทางกันหากไม่เพิ่มค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคาร
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ในช่วงสิ้นเดือน ต.ค.ถึงต้นเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ เป็นช่วงที่ครบกำหนดการหารือระหว่างธปท. กับกระทรวงการคลัง ซึ่งกำหนดว่า จะหารือกันเดือนละ 1 ครั้ง โดยขณะนี้ ธปท.พร้อมตอบโจทย์ให้กับนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง ใน 3 เรื่องในส่วนของระบบสถาบันการเงิน
"เรื่องการบ้านของกระทรวงการคลังที่ให้เพิ่ม 3 ข้อ ถือว่าเป็นโจทย์ที่ไม่ยากนัก และขณะนี้เราได้ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งโจทย์ทั้ง 3 ข้อนี้ น่าจะเห็นได้ในปีนี้" นายประสาร กล่าว
โดยเรื่องที่สามารถดำเนินการเป็นเรื่องแรก เพราะอยู่ในแผนของธปท.อยู่แล้ว คือ การเปิดให้มีการซื้อขายสัญญาซื้อขายเงินตราต่างประเทศล่วงหน้า ในตลาดอนุพันธ์ (TFEX) เร็วกว่ากำหนด ซึ่งเรื่องนี้ได้ตกลงกับ บริษัทตลาดอนุพันธ์ได้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มมีการซื้อขายได้ในปีหน้า แต่กรณีนี้ ในช่วงแรกขอให้เป็นการซื้อขายล่วงหน้าของคนไทยก่อน ยังไม่เปิดให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาทำ เพราะจะทำให้จำนวนธุรกรรมมีมากเกินไป
สำหรับเรื่องที่ 2 การให้ธปท.ศึกษาความเป็นไปได้ที่จะให้บริษัทหลักทรัพย์เข้ามาทำธุรกิจการซื้อขายอัตราแลกเปลี่ยนนั้น ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพื่อธุรกรรมของเขาเอง ก็ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งธุรกรรมในส่วนนี้ บริษัทตลาดอนุพันธ์ (TFEX) จะเป็นคนทำสัญญา และวางระบบคอมพิเตอร์ทั้งหมด
ทั้งนี้ ส่วนเรื่องที่ 3 กรณีเร่งเปิดให้ธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศ เข้ามาเปิดสาขาและแข่งขันในประเทศมากขึ้นนั้น ตามแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงิน ฉบับที่ 2 (มาสเตอร์แพลน 2) ของเรามีกำหนดไว้ชัดเจนว่า จะเปิดให้สาขาธนาคารพาณิชย์ต่างประเทศที่มีอยู่ในประเทศแล้ว ขอยกระดับขึ้นเป็นธนาคารลูกของธนาคารต่างประเทศในไทย ซึ่งจะทำธุรกรรมทางการเงินได้มากขึ้น
ในช่วงปีหน้าเป็นต้นไป และเปิดให้ต่างชาติรายใหม่เข้ามาขอใบอนุญาตเปิดธนาคารลูกในไทยได้ในปี 2557 ถ้าจะเปลี่ยนแปลงกำหนดเดิมที่ได้รับการอนุมัติจากครม.ไปแล้ว ก็คงจะต้องเข้าครม.ใหม่อีกครั้งเพื่อเร่งเวลาให้เร็วขึ้น
ขณะที่เรื่องการเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มเป็นกรณีพิเศษ เพื่อนำไปใช้หนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินนั้น เท่าที่ศึกษากฎหมายของเราไม่ได้เปิดช่องให้ทำแบบนั้นได้ และต้องพิจารณาด้วยว่า การเก็บค่าธรรมเนียมจากธนาคารพาณิชย์เพิ่มขึ้นจะส่งผลต่อผู้บริโภคด้วยหรือไม่ นอกจากนั้น ตามนโยบายของธปท.ในขณะนี้ ยังส่งเสริมให้ประชาชนลดใช้เงินสด และหันมาทำธุรกรรมผ่านระบบอิเลกทรอนิกส์เพิ่มขึ้น ดังนั้น อาจจะสวนทางกันหากไม่เพิ่มค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างธนาคาร