ทรูวิชั่นส์เท 2,000 ล้านบาท เปลี่ยนกล่องรับสัญญาณเป็นแบบHD ให้ลูกค้า ตั้งแต่แพกเกจซิลเวอร์ขึ้นไปจำนวน 4 แสนกล่อง ภายใน 1 ปี เชื่อดันยอดสมาชิกเพิ่มขึ้นปีละ 10% ใน 2 ปี เพิ่มความสามารถรับศึกเคเบิลทีวีได้
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีที่รุนแรงขึ้น ทางบริษัทจึงได้มีการทุ่มงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณเดิมให้เป็นนวัตกรรมกล่องอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด คือ “ทรูวิชั่นส์ รุ่น HD Plus” พร้อมแปลงระบบการออกอากาศให้ทันสมัยทัดเทียมสากล โดยจะเริ่มเปลี่ยนกล่องสัญญาณให้สมาชิกแพ็กเกจระดับซิลเวอร์ โกลด์ และแพลทินัม ภายในระยะเวลา 1ปี เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีสมาชิกรวมกันกว่า 4-5 แสนกล่อง จากฐานสมาชิกทั้งหมด 1.7 ล้านครัวเรือน
“ที่ผ่านมาจะพบว่าฐานสมาชิกระดับซิลเวอร์ขึ้นไปนั้น มีอัตราการเติบโตที่น้อยมากเพียง 2-3% เท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ถึงแม้จะไม่เสียฐานสมาชิกไป แต่เท่ากับไม่เติบโต ดังนั้นหลังจากมีการเปลี่ยนกล่องเป็นแบบHD แล้ว เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นปีละ 10% ในช่วง 2 ปีนี้ได้ ซึ่งยอดการเติบโตของฐานสมาชิกแบบแพ็กเก็จนี้จะเติบโตน้อยกว่าสมาชิกในระบบพรีวิว ซึ่งมีอยู่ราว 1.2 ล้านครัวเรือน ต่อปีเติบโตราว 5%”
สำหรับกล่องทรูวิชั่นส์ รุ่น HD Plus จะมีวางขายสำหรับลูกค้าแพกเกจอื่นๆได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่ราคายังคงต้องกลับมาเซ็ตอีกครั้ง ทั้งนี้มองว่าการเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณใหม่นี้ จะมีการสร้างรายได้เสริมเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง จากเดิมที่ได้จากค่าสมาชิก เช่น รายได้จากโฆษณาและรายได้เสริมจากการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น
ปัจจุบัน ทรูวิชั่นส์ มีช่องรายการระบบเอชดีอยู่ราว 11 ช่อง พร้อมให้บริการรับชมเป็นแพกเก็จเอชดี ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 30,000 ราย คาดว่าจะเติบโตขึ้ 20% ในช่วง 2 ปีนี้ โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าทางบริษัทจะเปลี่ยนช่องรายการให้เป็นระบบเอชดีไม่ต่ำกว่า 90 ช่อง จากทั้งหมดที่มี 129 ช่องในปัจจุบันทำให้รายได้เติบโตขึ้นปีละ 10%
นายศุภชัย กล่าวต่อถึงการเกิด กสทช. ด้วยว่า ขอรอดูนโยบายของทางกสทช.ก่อน ซึ่งทางทรูวิชั่นส์เอง ก็อยากที่จะได้ใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจแบบพรีทีวี และแบบฟรีทูแอร์ รวมถึงระบบอินเตอร์เน็ตด้วย ถ้าทางกสทช.มีกำหนดต้องมีใบอนุญาตขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามขอทำธุรกิจนี้ให้ดีมากกว่าที่จะลงทุนเปิดสถานีโทรทัศน์เป็นของตัวเอง หาก กสทช.เปิดให้ขอสัมปทานได้ก็ตาม
นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทรู วิชั่นส์ จำกัด เปิดเผยว่า จากการแข่งขันในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวีที่รุนแรงขึ้น ทางบริษัทจึงได้มีการทุ่มงบลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท เพื่อเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณเดิมให้เป็นนวัตกรรมกล่องอัจฉริยะรุ่นใหม่ล่าสุด คือ “ทรูวิชั่นส์ รุ่น HD Plus” พร้อมแปลงระบบการออกอากาศให้ทันสมัยทัดเทียมสากล โดยจะเริ่มเปลี่ยนกล่องสัญญาณให้สมาชิกแพ็กเกจระดับซิลเวอร์ โกลด์ และแพลทินัม ภายในระยะเวลา 1ปี เริ่มตั้งแต่เดือนต.ค.นี้เป็นต้นไป ซึ่งมีสมาชิกรวมกันกว่า 4-5 แสนกล่อง จากฐานสมาชิกทั้งหมด 1.7 ล้านครัวเรือน
“ที่ผ่านมาจะพบว่าฐานสมาชิกระดับซิลเวอร์ขึ้นไปนั้น มีอัตราการเติบโตที่น้อยมากเพียง 2-3% เท่านั้น ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากการแข่งขันในอุตสาหกรรมเคเบิลทีวี ถึงแม้จะไม่เสียฐานสมาชิกไป แต่เท่ากับไม่เติบโต ดังนั้นหลังจากมีการเปลี่ยนกล่องเป็นแบบHD แล้ว เชื่อว่าจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นปีละ 10% ในช่วง 2 ปีนี้ได้ ซึ่งยอดการเติบโตของฐานสมาชิกแบบแพ็กเก็จนี้จะเติบโตน้อยกว่าสมาชิกในระบบพรีวิว ซึ่งมีอยู่ราว 1.2 ล้านครัวเรือน ต่อปีเติบโตราว 5%”
สำหรับกล่องทรูวิชั่นส์ รุ่น HD Plus จะมีวางขายสำหรับลูกค้าแพกเกจอื่นๆได้ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป ขณะที่ราคายังคงต้องกลับมาเซ็ตอีกครั้ง ทั้งนี้มองว่าการเปลี่ยนกล่องรับสัญญาณใหม่นี้ จะมีการสร้างรายได้เสริมเพิ่มขึ้นได้อีกทางหนึ่ง จากเดิมที่ได้จากค่าสมาชิก เช่น รายได้จากโฆษณาและรายได้เสริมจากการสั่งซื้อสินค้า เป็นต้น
ปัจจุบัน ทรูวิชั่นส์ มีช่องรายการระบบเอชดีอยู่ราว 11 ช่อง พร้อมให้บริการรับชมเป็นแพกเก็จเอชดี ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกอยู่กว่า 30,000 ราย คาดว่าจะเติบโตขึ้ 20% ในช่วง 2 ปีนี้ โดยในช่วง 2-3 ปีข้างหน้าทางบริษัทจะเปลี่ยนช่องรายการให้เป็นระบบเอชดีไม่ต่ำกว่า 90 ช่อง จากทั้งหมดที่มี 129 ช่องในปัจจุบันทำให้รายได้เติบโตขึ้นปีละ 10%
นายศุภชัย กล่าวต่อถึงการเกิด กสทช. ด้วยว่า ขอรอดูนโยบายของทางกสทช.ก่อน ซึ่งทางทรูวิชั่นส์เอง ก็อยากที่จะได้ใบอนุญาตในการดำเนินธุรกิจแบบพรีทีวี และแบบฟรีทูแอร์ รวมถึงระบบอินเตอร์เน็ตด้วย ถ้าทางกสทช.มีกำหนดต้องมีใบอนุญาตขึ้นมา ทั้งนี้เพื่อให้การดำเนินธุรกิจเป็นไปอย่างถูกต้อง อย่างไรก็ตามขอทำธุรกิจนี้ให้ดีมากกว่าที่จะลงทุนเปิดสถานีโทรทัศน์เป็นของตัวเอง หาก กสทช.เปิดให้ขอสัมปทานได้ก็ตาม
