ธ.ก.ส.ห่วงนโยบายพักหนี้-จำนำข้าวฉุดสภาพคล่องคาดใช้วงเงินไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท หวั่นกระทบสินเชื่อปกติของธนาคาร ระบุขอหารือกับรัฐบาลชุดใหม่ก่อนเหตุยังไม่ได้รับคืนหนี้จำนำข้าวเดิม 1.5 แสนล.
นายบุญช่วย เจียดำรงค์ชัย รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมการรองรับในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยจะมีความชัดเจนด้านวงเงิน และวิธีการในการดำเนินการในช่วงสัปดาห์หน้า หลังจากหารือกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการที่คาดว่าจะใช้วงเงินค่อนข้างมาก คือ โครงการรับจำนำข้าว ที่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณข้าวที่จะรับเข้าโครงการ ซึ่งต้องหารือความชัดเจนจากรกระทรวงการคลังว่าจะใช้เงินจากส่วนไหน
ส่วนโครงการพักหนี้เกษรตรกรรายย่อยที่มีหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทนั้น หากจะดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพควรจะเน้นการช่วยเหลือไปที่กลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ซึ่งมีสัดส่วนไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยทางการเงินของกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้ดีอยู่แล้ว และในแง่เม็ดเงินก็จะปรับลดลงไปด้วยหากมีการจำกัดความช่วยเหลือไว้ที่หนี้เสียเท่านั้น
นอกจากนี้โครงการที่คิดว่าสามารถดำเนินการได้ทันทีและไม่ต้องใช้เม็ดเงินมากนัก คือ โครงการบัตรเครดิตชาวนา ที่ธนาคารมีสถาบันสหกรณ์ และร้านค้าทางการเกษตรในเครือข่ายไว้อยู่แล้ว ซึ่งหากมีการดำเนินการก็สามารถขอความร่วมมือกับเครือข่ายดังกล่าวในการอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในการนำบัตรไปใช้ซื้อสินค้าทางการเกษตร เบื้องต้นกำหนดให้เกษตรกรสามารรูดบัตรเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตได้ไม่เกิน 60% ของผลผลิตที่เตรียมไว้ขาย หากเกินกว่านี้จะต้องพิจาจรณาตามความจำเป็น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ธนาคารคงต้องประเมินภาพรวมของเม็ดเงินทั้งหมดที่จะต้องใช้ในการดำเนินโครงการ ควบคู่ไปกับภาระหนี้สินที่มีอยุ่ในปัจจุบีนจากโครงการต่างๆ ที่มีในอดีต เช่น จำนำข้าวเดิมที่มีหนี้ค้างอยู่กว่า 1.5 แสนล้านบาท และสภาพคล่องในปัจจุบันของธนาคารด้วย เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินงานตามปกติของธนาคาร ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงต้องขึ้นกับแนวทางในการดำเนินโครงการของรัฐบาลและแหล่งเงินที่จะนำมาใช้
“ตอนนี้เรายังพูดชัดเจนไม่ได้ว่าจะใช้เงินสำหรับโครงการไหนเท่าไรแต่ได้ประเมินเบื้องต้นจะมีโครงการจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาทที่ต้องใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้รับคืนหนี้เดิมที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลสมัครประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หากจะทำโครงการอื่นๆ ขึ้นมาอีกก็คงต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไรเอาเงินจากที่ไหนมาทำบ้างเพราะจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธ.ก.ส.และการปล่อยสินเชื่อปกติที่ทำอยู่ด้วย ดังนั้นจึงต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาก่อนแล้วมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรซึ่งเราพร้อมทำตามนโยบายอยู่แล้ว” นายบุญช่วยกล่าว
นายบุญช่วยกล่าวว่า สำหรับความช่วยเหลือด้านอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากพายุนกเต็น มีลูกค้าได้รับความเดือดร้อนแล้ว 40,030 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 365,301 ไร่ ซึ่ง ธนาคารได้เตรียมมาตรการผัดผ่อนชำระหนี้ไป เป็นเวลา1 ปี งดคิดดอกเบี้ยเพิ่ม 3%
นายบุญช่วย เจียดำรงค์ชัย รองผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ธ.ก.ส.ได้เตรียมการรองรับในการดำเนินนโยบายของรัฐบาลใหม่ โดยจะมีความชัดเจนด้านวงเงิน และวิธีการในการดำเนินการในช่วงสัปดาห์หน้า หลังจากหารือกับทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลเรียบร้อยแล้ว โดยโครงการที่คาดว่าจะใช้วงเงินค่อนข้างมาก คือ โครงการรับจำนำข้าว ที่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นกับปริมาณข้าวที่จะรับเข้าโครงการ ซึ่งต้องหารือความชัดเจนจากรกระทรวงการคลังว่าจะใช้เงินจากส่วนไหน
ส่วนโครงการพักหนี้เกษรตรกรรายย่อยที่มีหนี้ไม่เกิน 5 แสนบาทนั้น หากจะดำเนินโครงการให้มีประสิทธิภาพควรจะเน้นการช่วยเหลือไปที่กลุ่มลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ เอ็นพีแอล ซึ่งมีสัดส่วนไม่มากนัก ขณะเดียวกันก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อวินัยทางการเงินของกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นหนี้ดีอยู่แล้ว และในแง่เม็ดเงินก็จะปรับลดลงไปด้วยหากมีการจำกัดความช่วยเหลือไว้ที่หนี้เสียเท่านั้น
นอกจากนี้โครงการที่คิดว่าสามารถดำเนินการได้ทันทีและไม่ต้องใช้เม็ดเงินมากนัก คือ โครงการบัตรเครดิตชาวนา ที่ธนาคารมีสถาบันสหกรณ์ และร้านค้าทางการเกษตรในเครือข่ายไว้อยู่แล้ว ซึ่งหากมีการดำเนินการก็สามารถขอความร่วมมือกับเครือข่ายดังกล่าวในการอำนวยความสะดวกแก่เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการในการนำบัตรไปใช้ซื้อสินค้าทางการเกษตร เบื้องต้นกำหนดให้เกษตรกรสามารรูดบัตรเพื่อซื้อปัจจัยการผลิตได้ไม่เกิน 60% ของผลผลิตที่เตรียมไว้ขาย หากเกินกว่านี้จะต้องพิจาจรณาตามความจำเป็น
อย่างไรก็ตามยอมรับว่า ธนาคารคงต้องประเมินภาพรวมของเม็ดเงินทั้งหมดที่จะต้องใช้ในการดำเนินโครงการ ควบคู่ไปกับภาระหนี้สินที่มีอยุ่ในปัจจุบีนจากโครงการต่างๆ ที่มีในอดีต เช่น จำนำข้าวเดิมที่มีหนี้ค้างอยู่กว่า 1.5 แสนล้านบาท และสภาพคล่องในปัจจุบันของธนาคารด้วย เพื่อไม่ให้กระทบกับการดำเนินงานตามปกติของธนาคาร ซึ่งเรื่องดังกล่าวคงต้องขึ้นกับแนวทางในการดำเนินโครงการของรัฐบาลและแหล่งเงินที่จะนำมาใช้
“ตอนนี้เรายังพูดชัดเจนไม่ได้ว่าจะใช้เงินสำหรับโครงการไหนเท่าไรแต่ได้ประเมินเบื้องต้นจะมีโครงการจำนำข้าวตันละ 1.5 หมื่นบาทที่ต้องใช้เงินประมาณ 1 แสนล้านบาท ซึ่งตอนนี้เรายังไม่ได้รับคืนหนี้เดิมที่ใช้ในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาลสมัครประมาณ 1.5 แสนล้านบาท หากจะทำโครงการอื่นๆ ขึ้นมาอีกก็คงต้องคุยกันว่าจะทำอย่างไรเอาเงินจากที่ไหนมาทำบ้างเพราะจะส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของธ.ก.ส.และการปล่อยสินเชื่อปกติที่ทำอยู่ด้วย ดังนั้นจึงต้องรอให้รัฐบาลใหม่เข้ามาก่อนแล้วมาคุยกันว่าจะทำอย่างไรซึ่งเราพร้อมทำตามนโยบายอยู่แล้ว” นายบุญช่วยกล่าว
นายบุญช่วยกล่าวว่า สำหรับความช่วยเหลือด้านอุทกภัยที่เกิดขึ้นจากพายุนกเต็น มีลูกค้าได้รับความเดือดร้อนแล้ว 40,030 ครัวเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 365,301 ไร่ ซึ่ง ธนาคารได้เตรียมมาตรการผัดผ่อนชำระหนี้ไป เป็นเวลา1 ปี งดคิดดอกเบี้ยเพิ่ม 3%