หุ้นไทยยืนเหนือ 1,100 จุด จากแรงซื้อเก็งกำไรในหุ้นกลุ่มแบงก์ และความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้น หลังกกต.รับรองสถานะ ส.ส.ของยิ่งลักษณ์ จนต่างชาติซื้อสุทธิอีก 4.5 พันล้านบาท โบรกฯมองมีโอกาสพักฐาน หลังปรับขึ้นต่อเนื่องมาหลายวัน แต่มีโอกาสไปต่อ ย้ำต้องติดตามปัจจัยลบในต่างประเทศใกล้ชิด
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ สามารถยืนขึ้นเหนือ 1,100 จุดได้ โดยปิดที่ 1,101.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.60 จุด หรือ 0.42% มูลค่าการซื้อขาย 37,117.78 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,107.55 จุด และต่ำสุดที่ 1,097.67 จุด ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า น่าจะมาจากการเข็งเก็งกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังทยอยประกาศผลดำเนินงาน และการรับรองสถานะส.ส.ให้แก่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิถึง 4,583.27 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 275 หลักทรัพย์ ลดลง 163 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 154 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,142.77 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,720.49 ล้านบาท ปิดที่ 346.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,253.75 ล้านบาท ปิดที่ 118.50 บาท ลดลง 2.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,610.16 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 2.50 บาท และ DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,343.50 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ตอบรับประเด็นบวกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไรก็ตาม ระหว่างวัน มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเป็นระยะๆ โดยกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงเกือบ 1% หลังรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/54 เกือบหมดแล้ว จึงมีแรงขายออกมา ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ต้องรอติดตามการประชุมอียูที่จะมีการหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินกรีซในคืนวันนี้ (21 ก.ค.)
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (21 ก.ค.) ประเมินว่า ดัชนีน่าจะแกว่งตัวไซต์เวย์ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการที่จะปรับตัวขึ้นทะลุ 1,110 จุด ไปได้ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เนื่องจากปรับตัวขึ้นแรงมาหลายวันติดต่อกัน คาดว่าช่วงนี้คงเป็นการพักฐาน และเชื่อว่าจขะมีการสลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ยังไม่ได้ประกาศผลประกอบการ รวมทั้งกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,100-1,110 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นสามารถยืนเหนือระดับ 1,100 จุด ได้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะได้รับปัจจัยหนุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งปัจจัยภายในประเทศ คือ เรื่องการรับรอง ส.ส.ของ กกต.ส่งผลให้มีเงินต่างประเทศไหลเข้ามาต่อเนื่อง และคาดว่า จะเป็นการไหลเข้าในระยะยาว หลังจากขายทำกำไรออกไปช่วงก่อน แต่ปัจจัยที่ควรติดตาม นั่นคือ ปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะเพดานหนี้สหรัฐฯ และปัญหาในยุโรป ยังไม่มีความชัดเจนและจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่อไป
ทั้งนี้ เชื่อว่า ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยอยู่ที่ 1,115-1,120 จุด ซึ่งปัจจัยที่จะเข้ามาสนับสนุนในช่วงนี้ คือ การเข้าเก็งกำไรในผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน
ตลาดหุ้นไทยวานนี้ (20 ก.ค.) ดัชนีหลักทรัพย์ สามารถยืนขึ้นเหนือ 1,100 จุดได้ โดยปิดที่ 1,101.37 จุด เพิ่มขึ้น 4.60 จุด หรือ 0.42% มูลค่าการซื้อขาย 37,117.78 ล้านบาท ระหว่างวันดัชนีปรับตัวสูงสุดที่ 1,107.55 จุด และต่ำสุดที่ 1,097.67 จุด ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่า น่าจะมาจากการเข็งเก็งกำไรกลุ่มธนาคารพาณิชย์ที่กำลังทยอยประกาศผลดำเนินงาน และการรับรองสถานะส.ส.ให้แก่หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและเข้ามาลงทุนต่อเนื่อง โดยนักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิถึง 4,583.27 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวานนี้ เพิ่มขึ้น 275 หลักทรัพย์ ลดลง 163 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 154 หลักทรัพย์ โดยหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ BBL มูลค่าการซื้อขาย 3,142.77 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,720.49 ล้านบาท ปิดที่ 346.00 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท SCB มูลค่าการซื้อขาย 2,253.75 ล้านบาท ปิดที่ 118.50 บาท ลดลง 2.50 บาท KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,610.16 ล้านบาท ปิดที่ 133.50 บาท ลดลง 2.50 บาท และ DTAC มูลค่าการซื้อขาย 1,343.50 ล้านบาท ปิดที่ 61.75 บาท เพิ่มขึ้น 3.50 บาท
นายภาดล วรรณรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 6 ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค ตอบรับประเด็นบวกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อย่างไรก็ตาม ระหว่างวัน มีแรงขายทำกำไรสลับออกมาเป็นระยะๆ โดยกลุ่มแบงก์ปรับตัวลดลงเกือบ 1% หลังรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 2/54 เกือบหมดแล้ว จึงมีแรงขายออกมา ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ต้องรอติดตามการประชุมอียูที่จะมีการหารือถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาหนี้สินกรีซในคืนวันนี้ (21 ก.ค.)
ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้ (21 ก.ค.) ประเมินว่า ดัชนีน่าจะแกว่งตัวไซต์เวย์ไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งการที่จะปรับตัวขึ้นทะลุ 1,110 จุด ไปได้ยังต้องใช้เวลาอีกพอสมควร เนื่องจากปรับตัวขึ้นแรงมาหลายวันติดต่อกัน คาดว่าช่วงนี้คงเป็นการพักฐาน และเชื่อว่าจขะมีการสลับเข้ามาลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ยังไม่ได้ประกาศผลประกอบการ รวมทั้งกลุ่มพลังงาน ที่ปรับตัวขึ้นน้อยกว่าตลาด พร้อมให้กรอบการเคลื่อนไหวที่ 1,100-1,110 จุด
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเชีย พลัส กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นสามารถยืนเหนือระดับ 1,100 จุด ได้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เพราะได้รับปัจจัยหนุนทั้งภายในและภายนอกประเทศ ซึ่งปัจจัยภายในประเทศ คือ เรื่องการรับรอง ส.ส.ของ กกต.ส่งผลให้มีเงินต่างประเทศไหลเข้ามาต่อเนื่อง และคาดว่า จะเป็นการไหลเข้าในระยะยาว หลังจากขายทำกำไรออกไปช่วงก่อน แต่ปัจจัยที่ควรติดตาม นั่นคือ ปัจจัยต่างประเทศ ซึ่งจะมีอิทธิพลมากขึ้น โดยเฉพาะเพดานหนี้สหรัฐฯ และปัญหาในยุโรป ยังไม่มีความชัดเจนและจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นต่อไป
ทั้งนี้ เชื่อว่า ดัชนียังมีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยอยู่ที่ 1,115-1,120 จุด ซึ่งปัจจัยที่จะเข้ามาสนับสนุนในช่วงนี้ คือ การเข้าเก็งกำไรในผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน