ธอส. อนุมัติสินเชื่อโครงการบ้านหลังแรกทั่วประเทศ มูลค่ารวมกว่า 344 ล้านบาท จำนวนลูกค้า 269 ราย พร้อมนัดลูกค้า 4 ราย จัดพิธีลงนามสัญญาอย่างเป็นทางการ ด้านยอดยื่นกู้ ล่าสุดมากกว่า 19,000 ล้านบาท จำนวนลูกค้ารวมกว่า 13,000 ราย แจงวงเงินคงเหลือ 5,000 ล้านบาท แนะลูกค้าที่ต้องการซื้อ-ปลูกสร้างที่อยู่อาศัยหลังแรกยื่นคำขอกู้ได้จนถึงวันที่ 30 ธันวาคม ทำนิติกรรมภายในวันที่ 30 เมษายน 2555
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. กล่าวว่า โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ถือว่าประสบความสำเร็จตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาพบว่า มีจำนวนลูกค้ายื่นกู้รวม 13,706 ราย รวมวงเงินยื่นกู้แล้วทั้งสิ้น 19,273 ล้านบาท โดยวงเงินยื่นกู้เฉลี่ยรายละ 1.4 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 269 รายทั่วประเทศ วงเงินอนุมัติรวมทั้งสิ้น 343,835,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธอส.ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย พร้อมที่จะเป็นกลไกของภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ในโครงการบ้านธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรกนี้ ยังคงมีวงเงินให้ยื่นกู้ได้อีกกว่า 5,000ล้านบาท และสามารถยื่นกู้สำรอง (Waiting List) ได้อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งธอส.ได้กำหนดเงื่อนไขการให้กู้เฉพาะลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งแรกเป็นของตนเอง และจะต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยราคาที่อยู่อาศัยและวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร อัตราดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก ปีที่ 3 - 5 คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) ส่วนลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ปีที่ 6 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1.00% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้ารายย่อยทั่วไป) ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.75% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี อีกทั้งรัฐบาลยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งหรือจ่ายตามจริงสูงสุด 1.00%” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าว่า สำหรับเอกสารหลักฐานที่ลูกค้าต้องนำมาแสดงในวันยื่นกู้ ต้องลงนามรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ มี 5 อย่าง ได้แก่ 1.สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ+ทะเบียนสมรส (กรณีสมรสแล้ว) 2.สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า 3.เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้าหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ หรือหลักฐานการแสดงฐานะทางการเงินอื่นๆ 4.สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญามัดจำ หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร/คำขออนุญาต และ 5.สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด สำหรับลูกค้าที่สนใจยื่นกู้ ในโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการสาขาทั่วประเทศ จำนวน 153 แห่ง
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี กรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ หรือ ธอส. กล่าวว่า โครงการบ้าน ธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยหลังแรกได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี ถือว่าประสบความสำเร็จตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือแบ่งเบาภาระประชาชนที่ต้องการมีบ้านหลังแรกเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเองให้ได้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ โดยข้อมูล ณ วันที่ 20 พฤษภาคม 2554 ที่ผ่านมาพบว่า มีจำนวนลูกค้ายื่นกู้รวม 13,706 ราย รวมวงเงินยื่นกู้แล้วทั้งสิ้น 19,273 ล้านบาท โดยวงเงินยื่นกู้เฉลี่ยรายละ 1.4 ล้านบาท ส่วนลูกค้าที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อแล้วมีจำนวนทั้งสิ้น 269 รายทั่วประเทศ วงเงินอนุมัติรวมทั้งสิ้น 343,835,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธอส.ในฐานะผู้นำสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย พร้อมที่จะเป็นกลไกของภาครัฐในการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ในโครงการบ้านธอส.เพื่อที่อยู่อาศัยแห่งแรกนี้ ยังคงมีวงเงินให้ยื่นกู้ได้อีกกว่า 5,000ล้านบาท และสามารถยื่นกู้สำรอง (Waiting List) ได้อีกประมาณ 5,000 ล้านบาท ซึ่งธอส.ได้กำหนดเงื่อนไขการให้กู้เฉพาะลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยแห่งแรกเป็นของตนเอง และจะต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าบ้านในทะเบียนบ้าน ไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นกรรมสิทธิ์ของตนเอง ให้กู้เพื่อซื้อที่ดินพร้อมอาคาร หรือห้องชุด ให้กู้เพื่อปลูกสร้างอาคาร หรือเพื่อซื้อที่ดินพร้อมปลูกสร้างอาคาร โดยราคาที่อยู่อาศัยและวงเงินให้กู้ไม่เกิน 3 ล้านบาท
ส่วนหลักเกณฑ์การพิจารณาการให้สินเชื่อเป็นไปตามระเบียบของธนาคาร อัตราดอกเบี้ย 0% 2 ปีแรก ปีที่ 3 - 5 คิดอัตราดอกเบี้ย เท่ากับ MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) ส่วนลูกค้ารายย่อยทั่วไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR ปีที่ 6 เป็นต้นไป คิดอัตราดอกเบี้ยเท่ากับ MRR - 1.00% ต่อปี (ลูกค้าสวัสดิการ) MRR - 0.50% ต่อปี (ลูกค้ารายย่อยทั่วไป) ปัจจุบันอัตราดอกเบี้ย MRR ธอส.เท่ากับ 6.75% ต่อปี ผ่อนได้นานสูงสุด 30 ปี อีกทั้งรัฐบาลยังช่วยแบ่งเบาภาระค่าจดจำนอง และค่าธรรมเนียมการโอนครึ่งหนึ่งหรือจ่ายตามจริงสูงสุด 1.00%” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์ กล่าว่า สำหรับเอกสารหลักฐานที่ลูกค้าต้องนำมาแสดงในวันยื่นกู้ ต้องลงนามรับรองสำเนาถูกต้องทุกฉบับ มี 5 อย่าง ได้แก่ 1.สำเนาบัตรประชาชน/ข้าราชการ+ทะเบียนสมรส (กรณีสมรสแล้ว) 2.สำเนาทะเบียนบ้านทุกหน้า 3.เอกสารแสดงรายได้ เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองเงินเดือน บัญชีเงินฝาก สำเนาการค้าหลักฐานการเสียภาษีเงินได้ หรือหลักฐานการแสดงฐานะทางการเงินอื่นๆ 4.สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญามัดจำ หรือสำเนาใบอนุญาตก่อสร้างอาคาร/คำขออนุญาต และ 5.สำเนาโฉนด หรือสำเนาหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด สำหรับลูกค้าที่สนใจยื่นกู้ ในโครงการฯ สามารถติดต่อได้ที่ที่ทำการสาขาทั่วประเทศ จำนวน 153 แห่ง
