จับตาเป๊ปซี่ตั้งบริษัทลุยผลิตและจำหน่ยเอง ตามโมเดลโลก บอสใหญ่ยันเดินหน้ทำธุรกิจในไทยต่อแม้ต้องแตกหักกับเสริมสุข ด้านบิ๊กโคล่าจดจ้องอาจหยิบชิ้นปลามันให้เสริมสุขจัดจำหน่ายให้ ด้าน เป๊ปซี่โค ยันเดินหน้าธุรกิจในไทยต่อ แม้เสริมสุขจะยกเลิกสัญญา พร้อมเร่งมือหาทางรองรับ
นายชนินทร์ เทียนเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมบิ๊กโคล่า กล่าวว่า หลังจากที่ศาลตัดสินเป๊ปซี่ โคล่า ผิดสัญญากับทางเสริมสุข ทำให้คาดว่าเป๊ปซี่ โคล่า คงต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อลงทุนด้านดิสทริบิวชั่นหรือกระจายสินค้าให้กับเครื่องดื่มของบริษัท หลังจากสัญญาจะหมดสิ้นในอีก 1ปีซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายน ปี 2555 นี้ ซึ่งปกติก็เป็นโมเดลของการทำธุรกิจของเป๊ปซี่ โคล่า อยู่แล้ว เมื่อเข้าซื้อกิจการไม่ได้ ก็ต้องตั้งบริษัทขึ้นมากระจายสินค้าเอง มีผลในแง่ดี ช่วยลดต้นทุนหรือทำให้มีการบริหารต้นทุนด้านการกระจายสินค้าที่ดีขึ้น
ผลจากที่เป๊ปซี่แตกหักกับทางเสริมสุขในครั้งนี้ อาจมีผลทำให้เป๊ปซี่ สูญเสียช่องทางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟที่ใช้ความสัมพันธ์จากกทางเสริมสุขไป ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่จะผลักดันบิ๊ก โคล่า เข้าไปแทนในช่องทางดังกล่าว ขณะที่เสริมสุขเองก็จะต้องหาเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์อื่นๆ มากระจายสินค้าแทน
เพื่อชดเชยกับรายได้หลักของบริษัทและมีความเป็นไปได้ที่จะมาผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเอง ซึ่งต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จากปัจจุบันเป๊ปซี่ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% โค้กกว่า 30% และบิ๊ก โคล่า 22% จากมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าวว่า แม้ว่าหก่อนน้านี้บิ๊ก โคล่า จะปฏิเสธว่าไม่สนใจที่จะให้เสริมสุขกระจายสินค้าให้ โดยต้องการเป็นผู้กระจายสินค้าเอง แต่ล่าสุดบริษัทน้ำอัดลมดังกล่าว มีความสนใจที่จะให้เสริมสุขเป็นผู้กระจายสินค้าให้ เนื่องจากเสริมสุขเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า โดยเฉพาะช่องทางเทรดิชันนัลเทรด หรือร้านค้าร้านอาหาร ฯลฯ และเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันเป๊ปซี่ กุมชัยชนะเหนือโค้ก ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ที่เป๊ปซี่จะมีส่วนแบ่งมากกว่าโค้ก
นายอุมราน เบบา ประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป๊ปซี่โค กล่าวถึง การตัดสินใจของคณะกรรมการของบริษัท เสริมสุขที่จะยกเลิกสัญญา Exclusive Bottling Appointment (EBA) กับทางเป๊ปซี่โค ว่า การร่วมเป็นพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายมีมาอย่างยาวนาน เอื้อประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และเราคงไม่เลือกที่จะยุติสัญญา เราได้มีการเจรจากันอย่างต่อเนื่องอย่างจริงใจ แต่ก็ต้องผิดหวังกับการตัดสินใจที่ได้รับจากทางบอร์ดของเสริมสุข อย่างไรก็ตาม เป๊ปซี่โคจะยังคงทำงานร่วมกับเสริมสุขอย่างใกล้ชิดผ่านสิทธิถือครองสัญญา EBA ตลอดช่วงระยะเวลาของสัญญา EBA ที่เหลืออยู่ รวมทั้งในอนาคตข้างหน้า
“เป๊ปซี่โค กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทางเลือกหลายๆ ทางในด้านการบรรจุขวดและการกระจายสินค้าในประเทศไทย เป๊ปซี่โคอยู่ในตลาดประเทศไทยมายาวนาน และจะยังอยู่ไป เรายังมีความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และต่อชาวไทยนับล้านคนที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรา และขอให้มั่นใจได้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ของเราให้บริโภคต่อไปเรือยๆ ในอนาคต”
ธุรกิจเครื่องดื่ม เป๊บซี่โค มีผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง อาทิ เป๊ปซี่ ทวิสเตอร์ เกเตอเรด และเซเว่นอัพ โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าร้อยละ 70 ยกให้เป๊ปซี่เป็น “แบรนด์ในดวงใจ”
ส่วนธุรกิจอาหารของเป๊บซี่โคในประเทศไทยได้สร้างการเติบโตที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ผ่านแบรนด์สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น เลย์ ทวิสตี้ ตะวัน และซันไบทส์ ปัจจุบันบริษัท เป๊บซี่โคมีพนักงานมากกว่า 600 คนในประเทศไทย และมีโรงงานผลิตอาหารหนึ่งแห่ง รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าจำนวนห้าแห่ง
นายชนินทร์ เทียนเจริญ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อาเจไทย จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มอัดลมบิ๊กโคล่า กล่าวว่า หลังจากที่ศาลตัดสินเป๊ปซี่ โคล่า ผิดสัญญากับทางเสริมสุข ทำให้คาดว่าเป๊ปซี่ โคล่า คงต้องจัดตั้งบริษัทขึ้นมา เพื่อลงทุนด้านดิสทริบิวชั่นหรือกระจายสินค้าให้กับเครื่องดื่มของบริษัท หลังจากสัญญาจะหมดสิ้นในอีก 1ปีซึ่งจะมีผลในเดือนเมษายน ปี 2555 นี้ ซึ่งปกติก็เป็นโมเดลของการทำธุรกิจของเป๊ปซี่ โคล่า อยู่แล้ว เมื่อเข้าซื้อกิจการไม่ได้ ก็ต้องตั้งบริษัทขึ้นมากระจายสินค้าเอง มีผลในแง่ดี ช่วยลดต้นทุนหรือทำให้มีการบริหารต้นทุนด้านการกระจายสินค้าที่ดีขึ้น
ผลจากที่เป๊ปซี่แตกหักกับทางเสริมสุขในครั้งนี้ อาจมีผลทำให้เป๊ปซี่ สูญเสียช่องทางจำหน่ายเอ็กซ์คลูซีฟที่ใช้ความสัมพันธ์จากกทางเสริมสุขไป ซึ่งบริษัทมองว่าเป็นโอกาสที่จะผลักดันบิ๊ก โคล่า เข้าไปแทนในช่องทางดังกล่าว ขณะที่เสริมสุขเองก็จะต้องหาเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์อื่นๆ มากระจายสินค้าแทน
เพื่อชดเชยกับรายได้หลักของบริษัทและมีความเป็นไปได้ที่จะมาผลิตเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ขึ้นมาเอง ซึ่งต้องจับตาการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ จากปัจจุบันเป๊ปซี่ เป็นผู้นำตลาดครองส่วนแบ่ง 40% โค้กกว่า 30% และบิ๊ก โคล่า 22% จากมูลค่า 3.6 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าววงการเครื่องดื่ม กล่าวว่า แม้ว่าหก่อนน้านี้บิ๊ก โคล่า จะปฏิเสธว่าไม่สนใจที่จะให้เสริมสุขกระจายสินค้าให้ โดยต้องการเป็นผู้กระจายสินค้าเอง แต่ล่าสุดบริษัทน้ำอัดลมดังกล่าว มีความสนใจที่จะให้เสริมสุขเป็นผู้กระจายสินค้าให้ เนื่องจากเสริมสุขเป็นบริษัทที่มีความแข็งแกร่งด้านการกระจายสินค้า โดยเฉพาะช่องทางเทรดิชันนัลเทรด หรือร้านค้าร้านอาหาร ฯลฯ และเป็นส่วนหนึ่งที่ผลักดันเป๊ปซี่ กุมชัยชนะเหนือโค้ก ซึ่งเป็นเพียงไม่กี่ประเทศในโลก ที่เป๊ปซี่จะมีส่วนแบ่งมากกว่าโค้ก
นายอุมราน เบบา ประธาน ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก เป๊ปซี่โค กล่าวถึง การตัดสินใจของคณะกรรมการของบริษัท เสริมสุขที่จะยกเลิกสัญญา Exclusive Bottling Appointment (EBA) กับทางเป๊ปซี่โค ว่า การร่วมเป็นพันธมิตรของทั้งสองฝ่ายมีมาอย่างยาวนาน เอื้อประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย และเราคงไม่เลือกที่จะยุติสัญญา เราได้มีการเจรจากันอย่างต่อเนื่องอย่างจริงใจ แต่ก็ต้องผิดหวังกับการตัดสินใจที่ได้รับจากทางบอร์ดของเสริมสุข อย่างไรก็ตาม เป๊ปซี่โคจะยังคงทำงานร่วมกับเสริมสุขอย่างใกล้ชิดผ่านสิทธิถือครองสัญญา EBA ตลอดช่วงระยะเวลาของสัญญา EBA ที่เหลืออยู่ รวมทั้งในอนาคตข้างหน้า
“เป๊ปซี่โค กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาทางเลือกหลายๆ ทางในด้านการบรรจุขวดและการกระจายสินค้าในประเทศไทย เป๊ปซี่โคอยู่ในตลาดประเทศไทยมายาวนาน และจะยังอยู่ไป เรายังมีความมุ่งมั่นต่อการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย และต่อชาวไทยนับล้านคนที่ชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของเรา และขอให้มั่นใจได้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ของเราให้บริโภคต่อไปเรือยๆ ในอนาคต”
ธุรกิจเครื่องดื่ม เป๊บซี่โค มีผลิตภัณฑ์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง อาทิ เป๊ปซี่ ทวิสเตอร์ เกเตอเรด และเซเว่นอัพ โดยผลสำรวจล่าสุดพบว่า ผู้บริโภคชาวไทยมากกว่าร้อยละ 70 ยกให้เป๊ปซี่เป็น “แบรนด์ในดวงใจ”
ส่วนธุรกิจอาหารของเป๊บซี่โคในประเทศไทยได้สร้างการเติบโตที่น่าพอใจอย่างยิ่ง ผ่านแบรนด์สำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็น เลย์ ทวิสตี้ ตะวัน และซันไบทส์ ปัจจุบันบริษัท เป๊บซี่โคมีพนักงานมากกว่า 600 คนในประเทศไทย และมีโรงงานผลิตอาหารหนึ่งแห่ง รวมทั้งศูนย์กระจายสินค้าจำนวนห้าแห่ง