"แอ็ดวานซ์ฯ" ห่วงปัญหาบอร์ดทีโอทีลาออกกระทบรับงานโครงการต่างๆ หลังเคยตั้งเป้า 1.5 พันล้านบาทในปีนี้ ซึ่งอาจจะลดลงเหลือ 1 พันล้านบาท โดยไตรมาสแรกคาดรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น เพราะปัจจุบันมีออเดอร์ใหม่ 1,000 ล้านบาท ส่วนไตรมาสที่เหลือยังเข้าประมูลต่อเนื่อง
วันนี้ (24 มี.ค.) นายศิริพงษ์ อุ่นทรพันธ์ ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี(AIT) ยอมรับว่า ปัญหาการลาออกของคณะกรรมการ บมจ.ทีโอที หากไม่สามารถแก้ไขในเวลาอันรวดเร็วก็อาจจะกระทบกับการรับงานโครงการต่าง ๆ ของทีโอทีที่บริษัทเคยตั้งเป้าไว้ 1.5 พันล้านบาทในปีนี้ โดยอาจจะลดลงเหลือ 1 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทยังคงเป้ารายได้ในปี 54 ที่ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 4,579 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้รับงานเพิ่มขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับปริมาณงานของภาครัฐและเอกชนที่มีมากขึ้นกว่าปีก่อน คาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนด้านการสื่อสารโทรคมนาคมและเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมกันกว่า 65,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/54 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโตเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันที่มีออเดอร์ใหม่ จำนวน 1,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงานภาครัฐ และไตรมาสที่เหลือของปีนี้บริษัทก็จะยังเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่อง
ส่วนบริษัทมี backlog ในมือ 2,000 ล้านบาท และคาดว่าภายในสิ้นปีนี้ backlog จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,600 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 2,300 ล้านบาท ที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปีหน้า โดยงานส่วนใหญ่เป็นงานภาครัฐ 90-95%
"บริษัทจะมีการเข้าประมูลงานอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มแบล็กลอคที่มีให้มากขึ้น โดยเฉพาะงานภาครัฐ ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของบริษัท ที่ประเมินว่าปีนี้จะมีงานที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็จะรักษา Net Porfit Margin ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ทำได้ 8-10%"นายศิริพงษ์ กล่าว
ขณะนี้บริษัทได้งานจากการกีฟาแห่งประเทศไทย(กกท.) ในการเป็นผู้วางระบบสารสนเทศในอาคารสำนักงานแห่งใหม่ 25 ชั้น และงานให้เช่าอุปกรณ์สื่อสาร Router พร้อมส่วนควบต่าง ๆ เพื่อให้บริการแก่สำนักบริหารการทะเบียน กรมปกครอง ตามโครงการจัดทำระบบการให้บริการประชาชน
อย่างไรก็ตาม บริษัทมีแผนในการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากการรับงานบริการเพิ่มเป็น 10% ใน 3-5 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ 5% เนื่องจาก งานบริการมีอัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงถึง 30% ซึ่งจะส่งผลต่อความสามารถในการสร้างกำไรสุทธิที่เพิ่มขึ้นในอนาคต
"เราพยายามหาลูกค้าใหม่ ๆ เพิ่มเพื่อกระจายความเสี่ยง ไม่กระจุกตัวในงานเทเลคอมอย่างเดียว รวมทั้งเน้นการรับงานบริการมากขึ้นเพราะมาร์จิ้นดีทีเดียว ถ้าเราได้จะเห็นดอกเห็นผลในอนาคต"นายศิริพงษ์ กล่าว
