จุฑานาวีมองธุรกิจเดินเรือปีนี้เข้าสู่ภาวะการฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก คาดเติบโตจากปีก่อน 8% เผยปีนี้บริษัทฯมีรายได้ลดลง 20%เหลือ 400กว่าล้านบาท แต่กำไรพุ่งขึ้น เนื่องจากรับจ้างบริหารจัดการเรือเพิ่มเป็น 10 ลำ ค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงลด และแนวโน้มค่าระวางเช่าเรือเพิ่มขึ้น
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน)(JUTHA) เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจเดินเรือทะเลเริ่มฟื้นตัวโดยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้น 8%จากปีทีแล้วตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งในปี 2552 มีเรือเก่าได้มีการทำลายเป็นเศษเหล็กคิดเป็น 30 ล้านเดทเวทตันและยกเลิกสั่งต่อเรือใหม่อีก 10 ล้านเดทเวทตัน ทำให้อุปทานใหม่หายไป
“เรามองว่าธุรกิจเดินเรือผ่านจุดเลวร้ายที่สุดแล้ว โดยปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการลดความเสี่ยงโดยตัดขายเรือที่มีอายุเกิน 25ปีออกไป และรับมอบเรือต่อใหม่เข้ามา 1 ลำ ทำให้อายุเฉลี่ยของเรือลดลงเหลือแค่ 7ปี ทำให้ค่าใช้จ่ายเดินเรือลดลงตามไปด้วยในช่วงที่ตลาดไม่ดี ส่วนแผนรอง คือบริษัทพยายามลดความเสี่ยงโดยเน้นบริหารจัดการเรือให้คนอื่นรวม 5 ลำและมีเรือตัวเองให้บริการเป็นเรือเช่า (Charter )อีก 5 ลำ ทำให้มีรายได้ที่แน่นอน “
นายชเนศร์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 400 กว่าล้านบาท ลดลง 20%จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 618 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีจำนวนเรือลดลงเหลือ 5 ลำจากปีก่อนมี 8 ลำ แต่ปีนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.23 ล้านบาท เป็นผลจากบริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ โดยหันมารับบริหารจัดการเรือเพิ่มขึ้นจาก 5 ลำ เป็น 10 ลำภายในปลายปี 2553 ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้รับจ้างบริหารเรือลำละ 1แสนกว่าเหรียญสหรัฐ รวมตลอดทั้งปี จะอยู่ที่ 1 ล้านกว่าเหรียญสหรัฐหรือ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากการรับจ้างบริหารเพียง 15 ล้านบาท คิดเป็น 15-20%ของรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ในไตรมาส1/2553 บริษัทฯมีกำไรจากการทำสัญญาขายเรือไปเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือลดลงมาก เนื่องจากอายุเฉลี่ยเรือลดลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10% ทำให้ปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานหลังจากปี 2552 ขาดทุนจากการดำเนินงาน 14.48 ล้านบาท
ด้านอัตราค่าระวางเรือเช่าในไตรมาส1/2553 อยู่ที่ 6,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ดีขึ้นจากไตรมาส 4 ที่ผ่านมาเฉลี่ย 5,500 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ และปลายปีนี้มีโอกาสที่อัตราค่าระวางเรือเช่าจะสูงเพิ่มขึ้นเป็น 8,000-10,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯจะไม่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติมหลังจากปีที่แล้วรับมอบเรือใหม่มา 1 ลำ แต่หากปีหน้าเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวดี ส่งผลให้ธุรกิจเดินเรือเติบโต บริษัทฯก็จะพิจารณาในการสั่งต่อเรือหรือซื้อเรือใหม่เพิ่มขึ้น
นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน)(JUTHA) เปิดเผยว่าทิศทางธุรกิจเดินเรือทะเลเริ่มฟื้นตัวโดยในปีนี้คาดว่าจะขยายตัวดีขึ้น 8%จากปีทีแล้วตามการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก รวมทั้งในปี 2552 มีเรือเก่าได้มีการทำลายเป็นเศษเหล็กคิดเป็น 30 ล้านเดทเวทตันและยกเลิกสั่งต่อเรือใหม่อีก 10 ล้านเดทเวทตัน ทำให้อุปทานใหม่หายไป
“เรามองว่าธุรกิจเดินเรือผ่านจุดเลวร้ายที่สุดแล้ว โดยปีนี้น่าจะปรับตัวดีขึ้นมากน้อยขึ้นอยู่กับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้มีการลดความเสี่ยงโดยตัดขายเรือที่มีอายุเกิน 25ปีออกไป และรับมอบเรือต่อใหม่เข้ามา 1 ลำ ทำให้อายุเฉลี่ยของเรือลดลงเหลือแค่ 7ปี ทำให้ค่าใช้จ่ายเดินเรือลดลงตามไปด้วยในช่วงที่ตลาดไม่ดี ส่วนแผนรอง คือบริษัทพยายามลดความเสี่ยงโดยเน้นบริหารจัดการเรือให้คนอื่นรวม 5 ลำและมีเรือตัวเองให้บริการเป็นเรือเช่า (Charter )อีก 5 ลำ ทำให้มีรายได้ที่แน่นอน “
นายชเนศร์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทฯคาดว่าจะมีรายได้รวม 400 กว่าล้านบาท ลดลง 20%จากปีก่อน ที่มีรายได้รวม 618 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทฯมีจำนวนเรือลดลงเหลือ 5 ลำจากปีก่อนมี 8 ลำ แต่ปีนี้บริษัทฯมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 63.23 ล้านบาท เป็นผลจากบริษัทฯได้มีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจ โดยหันมารับบริหารจัดการเรือเพิ่มขึ้นจาก 5 ลำ เป็น 10 ลำภายในปลายปี 2553 ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีรายได้รับจ้างบริหารเรือลำละ 1แสนกว่าเหรียญสหรัฐ รวมตลอดทั้งปี จะอยู่ที่ 1 ล้านกว่าเหรียญสหรัฐหรือ 34 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้จากการรับจ้างบริหารเพียง 15 ล้านบาท คิดเป็น 15-20%ของรายได้ทั้งหมด
นอกจากนี้ ในไตรมาส1/2553 บริษัทฯมีกำไรจากการทำสัญญาขายเรือไปเมื่อปลายปีที่แล้วด้วย ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือลดลงมาก เนื่องจากอายุเฉลี่ยเรือลดลง ทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายไม่ต่ำกว่า 10% ทำให้ปีนี้บริษัทฯมั่นใจว่าจะมีกำไรจากการดำเนินงานหลังจากปี 2552 ขาดทุนจากการดำเนินงาน 14.48 ล้านบาท
ด้านอัตราค่าระวางเรือเช่าในไตรมาส1/2553 อยู่ที่ 6,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ ดีขึ้นจากไตรมาส 4 ที่ผ่านมาเฉลี่ย 5,500 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ และปลายปีนี้มีโอกาสที่อัตราค่าระวางเรือเช่าจะสูงเพิ่มขึ้นเป็น 8,000-10,000 เหรียญสหรัฐ/วัน/ลำ จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจโลก
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้บริษัทฯจะไม่มีการลงทุนใหม่เพิ่มเติมหลังจากปีที่แล้วรับมอบเรือใหม่มา 1 ลำ แต่หากปีหน้าเศรษฐกิจโลกมีการฟื้นตัวดี ส่งผลให้ธุรกิจเดินเรือเติบโต บริษัทฯก็จะพิจารณาในการสั่งต่อเรือหรือซื้อเรือใหม่เพิ่มขึ้น