เน็กซัสฯสบช่องคอนโดฯใหม่ปรับราคา5-10% เข็นคอนโดฯพร้อมอยู่-สร้างใกล้เสร็จแนวรถไฟฟ้าทำเลเด่นกว่า1,200ยูนิตกลับมารีเซลใหม่ หลังความต้องการคอนโดฯพร้อมอยู่พุ่ง ลูกค้าแห่ซื้อก่อนสิ้นมาตรการ 26 มี.ค.นี้ จับตากลุ่มซื้อเก็งกำไร-เพื่อลงทุนปล่อยเช่าหั่นราคาขายกว่า30% หวังระบายพอร์ต
นายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปี2552 ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด จากยอดขายคอนโดมิเนียมในตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีหลายโครงการสามารถปิดการขายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้ต้นปี2553 นี้ จะยังคงมีความต้องการจากผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากการปรับตัวของความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ในปีนี้ คาดว่าตลาดคอนโดฯจะมีการปรับราคาขึ้น 5-10% อย่างไรก็ดี การปรับราคาขึ้น จะเปิดโอกาสให้มีการนำคอนโดฯมารีเซลใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯที่มีการซื้อในช่วงพรีเซล( Pre-Sale) ในช่วง 1-2 ปีที่แล้ว สามารถปล่อยขายได้ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน และยังเป็นคอนโดฯที่พร้อมอยู่หรือใกล้เสร็จ สามารถรับโอนได้ภายในวันที่28มี.ค.นี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนหมดอายุมาตรการได้ โดยจำนวนกว่า 80% ของคอนโดฯทั้งหมดในตลาดอยู่ในทำเลที่มีความต้องการสูง
โดยในจำนวนคอนโดฯที่มีการนำกลับมารีเซลลใหม่มีอยู่ 20% เป็นคอนโดฯประเภทมือสองที่ได้มีการปล่อยเช่าอยู่ และค่อนข้างได้เปรียบกว่าโครงการใหม่ที่เริ่มเปิดตัว ทั้งในด้านของราคาและทำเลที่ตั้ง แต่ความต้องการของลูกค้านั้นจะกระจุกอยู่ในบางทำเล ซึ่งประเภทห้องชุดในทำเลที่มีความต้องการนั้นประกอบด้วย ห้องชุด1ห้องนอนขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาไม่เกิน2ล้านบาทอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า
สำหรับทำเลที่มีความต้องการซื้อสูง คือ คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ผ่านซอยอารี สุขุมวิท เอกมัย และพร้อมพงษ์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจำนวนสินค้า(ซับพลาย)ในพื้นที่ดังกล่าวถูกดูดซับออกไปจำนวนมาก
รองลงมาคือ โครงการแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน( MRT ) และทำเลที่เกิดใหม่ถัดมา คือ แนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีกลุ่มผู้ซื้อกำไรและเพื่อลงทุนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการเร่งขายห้องชุดออกไปเพื่อให้ทันรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากกมาตรการของภาครัฐ มีการลดราคาขายห้องชุดพร้อมโอน ซึ่งจะสร้างเสร็จก่อนสิ้นสุดมาตรการนี้ นำห้องชุดออกมาลดราคาขายสูงถึง30%เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
นายอภิสิทธ์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดฯว่า ปัจจุบันมีซับพลายประมาณ 128,000 ยูนิต สามารถระบายออกไปแล้ว 105,000 ยูนิต ในขณะที่แต่ละปีจะมีสินค้าเข้าสู่ตลาด ประมาณ 20,000 ยูนิต แต่ในปีที่ผ่านมามีเพียง 15,000 ยูนิต และระบายออกได้15,000 ยูนิตเท่าๆกัน ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดรวมประมาณ 17,000 ยูนิต และอัตราการระบายออกน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเท่าๆกับอัตราการเกิดใหม่ของคอนโดฯ
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ปัจจุบันมีพอร์ตคอนโดฯอยู่ในพอร์ต 8 โครงการ มูลค่ารวม12,000 ล้านบาท คาดว่าในช่วงต้นปีนี้จะสามารถปิดการขายได้ 2 โครงการ และมีการเซ็นสัญญาบริหารการขายโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการเข้ามาในพอร์ตรวม 10 โครงการ มูลค่ารวม 15,000-16,000ล้านบาท
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และปรับเป้าลงมาเหลือ 3,000 ล้านบาท แต่ยอดขายตลอดทั้งปีไม่ได้ตามเป้า โดยมียอดขายเพียง 2,300-2,400 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวม60ล้านบาท ส่วนในปี 53 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 4,000 ล้านบาท และมีรายได้ 70-80 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจากบริษัทเน็กซัสฯ 50% และบริษัท คีน คอร์เปอเรชั่น จำกัด 50%
สำหรับ บริษัท คีนฯ เป็นบริษัทลูกที่เข้ามาบริหารการขายโครงการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขาย 20% ของยอดขายรวม ส่วนในปี 53 ยอดขายจะขยับขึ้นมามีสัดส่วนเท่ากับบริษัทแม่ โดยปัจจุบันมีพอร์ตห้องชุดในการบริหาร 2,000-3,000 ยูนิต
ล่าสุด เน็กซัสฯได้จับมือเซ็นทรัลเวิลด์ นำโครงการคอนโดฯรีเซลใกล้รถไฟฟ้ามาจัดงาน "รวมคอนโด ใกล้รถไฟฟ้า ครั้งที่ 3 " ภายใต้คอนเซ็ปต์ แบรนด์ดังยังถูก หลังจากที่ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 22 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายในงานมหกรรมฯ ได้กว่า 150 ล้านบาท และยังมีผู้ที่เข้าชมงานซึ่งอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซื้อคอนโดฯอีกประมาณ 100 ล้านบาท เชื่อว่าจะมียอดขายที่สามารถปิดได้หลังจากงานตามมาอีกแน่นอนภายในสัปดาห์นี้
โดยในงาน"รวมคอนโด ใกล้รถไฟฟ้า ครั้งที่ 3" จะเป็นการรวบรวมโครงการชั้นนำมาขายมากที่สุดที่เคยจัดขึ้นมาถึง 100 โครงการ รวมกว่า 1,200 ยูนิต บนทำเลรถไฟฟ้า อาทิ สุขุมวิท สีลม สาทร ตากสิน สยาม ลาดพร้าว พหลโยธิน และรัชดาภิเษก นอกจากนี้ ยังมีโครงการของพันธมิตรมาร่วมออกบูธอีก 5 โครงการ ได้แก่ Intro Condo, The LightHouse, All Seasons Mansion, Ideal 24 และ Fine Home ซึ่งจะจัดงานเพียง 4 วัน ระหว่างวันที่25-28 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากงานนี้ 300 ล้านบาท
นายอภิสิทธิ์ ลิ้มล้อมวงศ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เน็กซัส พรอพเพอตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด กล่าวว่า ช่วงครึ่งหลังของปี2552 ตลาดอสังหาริมทรัพย์เริ่มฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด จากยอดขายคอนโดมิเนียมในตลาดที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีหลายโครงการสามารถปิดการขายได้ภายในเวลาอันรวดเร็ว ส่งผลให้ต้นปี2553 นี้ จะยังคงมีความต้องการจากผู้ซื้ออย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจากการปรับตัวของความต้องการซื้อ(ดีมานด์)ในปีนี้ คาดว่าตลาดคอนโดฯจะมีการปรับราคาขึ้น 5-10% อย่างไรก็ดี การปรับราคาขึ้น จะเปิดโอกาสให้มีการนำคอนโดฯมารีเซลใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคอนโดฯที่มีการซื้อในช่วงพรีเซล( Pre-Sale) ในช่วง 1-2 ปีที่แล้ว สามารถปล่อยขายได้ต่ำกว่าราคาตลาด ณ ปัจจุบัน และยังเป็นคอนโดฯที่พร้อมอยู่หรือใกล้เสร็จ สามารถรับโอนได้ภายในวันที่28มี.ค.นี้ เพื่อรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีก่อนหมดอายุมาตรการได้ โดยจำนวนกว่า 80% ของคอนโดฯทั้งหมดในตลาดอยู่ในทำเลที่มีความต้องการสูง
โดยในจำนวนคอนโดฯที่มีการนำกลับมารีเซลลใหม่มีอยู่ 20% เป็นคอนโดฯประเภทมือสองที่ได้มีการปล่อยเช่าอยู่ และค่อนข้างได้เปรียบกว่าโครงการใหม่ที่เริ่มเปิดตัว ทั้งในด้านของราคาและทำเลที่ตั้ง แต่ความต้องการของลูกค้านั้นจะกระจุกอยู่ในบางทำเล ซึ่งประเภทห้องชุดในทำเลที่มีความต้องการนั้นประกอบด้วย ห้องชุด1ห้องนอนขนาดพื้นที่ 40 ตารางเมตร(ตร.ม.) ราคาไม่เกิน2ล้านบาทอยู่ใกล้แนวรถไฟฟ้า
สำหรับทำเลที่มีความต้องการซื้อสูง คือ คอนโดฯแนวรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ผ่านซอยอารี สุขุมวิท เอกมัย และพร้อมพงษ์ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาจำนวนสินค้า(ซับพลาย)ในพื้นที่ดังกล่าวถูกดูดซับออกไปจำนวนมาก
รองลงมาคือ โครงการแนวรถไฟฟ้าใต้ดิน( MRT ) และทำเลที่เกิดใหม่ถัดมา คือ แนวรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ อย่างไรก็ตามขณะนี้มีกลุ่มผู้ซื้อกำไรและเพื่อลงทุนกลุ่มหนึ่ง ที่ต้องการเร่งขายห้องชุดออกไปเพื่อให้ทันรับสิทธิประโยชน์ด้านภาษีจากกมาตรการของภาครัฐ มีการลดราคาขายห้องชุดพร้อมโอน ซึ่งจะสร้างเสร็จก่อนสิ้นสุดมาตรการนี้ นำห้องชุดออกมาลดราคาขายสูงถึง30%เพื่อดึงดูดผู้ซื้อ
นายอภิสิทธ์ กล่าวถึงภาพรวมตลาดคอนโดฯว่า ปัจจุบันมีซับพลายประมาณ 128,000 ยูนิต สามารถระบายออกไปแล้ว 105,000 ยูนิต ในขณะที่แต่ละปีจะมีสินค้าเข้าสู่ตลาด ประมาณ 20,000 ยูนิต แต่ในปีที่ผ่านมามีเพียง 15,000 ยูนิต และระบายออกได้15,000 ยูนิตเท่าๆกัน ส่วนในปีนี้คาดว่าจะมีสินค้าใหม่เข้าสู่ตลาดรวมประมาณ 17,000 ยูนิต และอัตราการระบายออกน่าจะเพิ่มสูงขึ้นเท่าๆกับอัตราการเกิดใหม่ของคอนโดฯ
ทั้งนี้ ในส่วนของบริษัท ปัจจุบันมีพอร์ตคอนโดฯอยู่ในพอร์ต 8 โครงการ มูลค่ารวม12,000 ล้านบาท คาดว่าในช่วงต้นปีนี้จะสามารถปิดการขายได้ 2 โครงการ และมีการเซ็นสัญญาบริหารการขายโครงการใหม่เพิ่มอีก 4 โครงการ ซึ่งจะทำให้บริษัทมีโครงการเข้ามาในพอร์ตรวม 10 โครงการ มูลค่ารวม 15,000-16,000ล้านบาท
โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 3,500 ล้านบาท และปรับเป้าลงมาเหลือ 3,000 ล้านบาท แต่ยอดขายตลอดทั้งปีไม่ได้ตามเป้า โดยมียอดขายเพียง 2,300-2,400 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีรายได้รวม60ล้านบาท ส่วนในปี 53 บริษัทตั้งเป้าว่าจะมียอดขายรวม 4,000 ล้านบาท และมีรายได้ 70-80 ล้านบาท โดยยอดขายดังกล่าวจะมาจากบริษัทเน็กซัสฯ 50% และบริษัท คีน คอร์เปอเรชั่น จำกัด 50%
สำหรับ บริษัท คีนฯ เป็นบริษัทลูกที่เข้ามาบริหารการขายโครงการที่ตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งในปีที่ผ่านมามียอดขาย 20% ของยอดขายรวม ส่วนในปี 53 ยอดขายจะขยับขึ้นมามีสัดส่วนเท่ากับบริษัทแม่ โดยปัจจุบันมีพอร์ตห้องชุดในการบริหาร 2,000-3,000 ยูนิต
ล่าสุด เน็กซัสฯได้จับมือเซ็นทรัลเวิลด์ นำโครงการคอนโดฯรีเซลใกล้รถไฟฟ้ามาจัดงาน "รวมคอนโด ใกล้รถไฟฟ้า ครั้งที่ 3 " ภายใต้คอนเซ็ปต์ แบรนด์ดังยังถูก หลังจากที่ในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 22 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายในงานมหกรรมฯ ได้กว่า 150 ล้านบาท และยังมีผู้ที่เข้าชมงานซึ่งอยู่ในระหว่างการตัดสินใจซื้อคอนโดฯอีกประมาณ 100 ล้านบาท เชื่อว่าจะมียอดขายที่สามารถปิดได้หลังจากงานตามมาอีกแน่นอนภายในสัปดาห์นี้
โดยในงาน"รวมคอนโด ใกล้รถไฟฟ้า ครั้งที่ 3" จะเป็นการรวบรวมโครงการชั้นนำมาขายมากที่สุดที่เคยจัดขึ้นมาถึง 100 โครงการ รวมกว่า 1,200 ยูนิต บนทำเลรถไฟฟ้า อาทิ สุขุมวิท สีลม สาทร ตากสิน สยาม ลาดพร้าว พหลโยธิน และรัชดาภิเษก นอกจากนี้ ยังมีโครงการของพันธมิตรมาร่วมออกบูธอีก 5 โครงการ ได้แก่ Intro Condo, The LightHouse, All Seasons Mansion, Ideal 24 และ Fine Home ซึ่งจะจัดงานเพียง 4 วัน ระหว่างวันที่25-28 ก.พ.นี้ ที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ชั้น 1 โดยตั้งเป้าว่าจะมียอดขายจากงานนี้ 300 ล้านบาท