มหกรรมบ้านฯ กร่อยยอดจองในงานแค่ 2,500 ล้านบาท ส่วนคนชมงาน 1 แสนราย ผู้จัดงานเชื่อเสื้อแดงประท้วงหน้าแบงก์กรุงเทพ-ฝนตกทำคนหาย ลุ้นหลัง 26 ก.พ.การเมืองไม่รุนแรงหนุนยอดฟื้นตัว
นาย เลิศมงคล วราเวณุชย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 22 สรุปผลการจัดงานมหกรรมบ้านฯ ว่า ภาพรวมการจัดงานตั้งแต่วันที่ 18-21 ก.พ. 2553 ที่ผ่านมา ไม่คึกคักเท่าที่คาดหวังไว้ โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1 แสนคน และยอดจองในงานมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 21 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 52 ที่มียอดจองภายในงาน 2,500 ล้านบาท และยอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 แสนราย วงเงินขอสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่คึกคักเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งมาจากเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ประกอบกับวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.เกิดฝนตกหนัก น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนคนที่มาเดินงานวันศุกร์และวันเสาร์ลดน้อยลงกว่าทุกครั้ง
นอกจากนี้ การนำโครงการใหม่ๆ มาเปิดตัวภายในงานของผู้ประกอบการน้อยลง ซึ่งโครงการที่นำมาขายส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดตัวมานานแล้ว โดยมีเพียงไม่กี่โครงการใหม่ที่เปิดขายครั้งแรกในงานนี้ เช่น โครงการแชพเตอร์ วัน, คอนโดมิเนียมของกลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท, โครงการ พาร์ซ เอ็กซ์โซ ของอั่งเปา แอสเสท ในเครือณุศาสิริ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมงานและยอดขายบ้านภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดในครั้งนี้มากกว่าการจัดงานครั้งที่ผ่านมา เพราะวัดตัวเลขจากการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้น 30% อีกทั้งภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนว่า จะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยให้เกิดการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี แต่ผลที่ออกมาตัวเลขกลับใกล้เคียงกับการจัดงานครั้งที่ผ่านมา
“เชื่อว่าหลังจากการจัดงานไปแล้ว จะมียอดขายต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากหลังวันที่ 26 ก.พ.แล้วเหตุการณ์ทางการเมืองไม่มีความรุนแรง คนที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ก็จะเร่งการตัดสินใจให้ทันกับมาตรการอสังหาฯ ที่คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มี.ค.นี้” นายเลิศมงคลกล่าว
ส่วนตัวเลขผู้ลงทะเบียนผ่านสื่อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้จัดงานได้ให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้น ประกอบการการที่โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน อาทิ แบล็กเบอร์รี่ ไอโฟน ขยายตัวมากขึ้น และการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ หันมาพัฒนาเว็บไซต์สำหรับมือถือมากขึ้น ทำให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ 3 สมาคมฯ ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุด และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในฐานะผู้จัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ได้ปรับนโยบายด้านสื่อออนไลน์ใหม่ด้วยการให้เว็บไซต์ของงานมหกรรมบ้านและคอนโด www.housecondoshow.com สามารถเปิดได้ตลอด 365 วัน จากเดิมที่เว็บไซต์ดังกล่าวสามารถเปิดได้ในช่วงใกล้จะมีงานและระหว่างที่จัดงานเท่านั้น แต่ต่อไปจะเปิดได้ตลอด และให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานนำโครงการของตัวเอง 200-300 โครงการเข้ามาใส่ลิงค์ไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าว
นาย เลิศมงคล วราเวณุชย์ ประธานจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 22 สรุปผลการจัดงานมหกรรมบ้านฯ ว่า ภาพรวมการจัดงานตั้งแต่วันที่ 18-21 ก.พ. 2553 ที่ผ่านมา ไม่คึกคักเท่าที่คาดหวังไว้ โดยมีจำนวนผู้เข้าร่วมงานประมาณ 1 แสนคน และยอดจองในงานมีมูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท ใกล้เคียงกับการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 21 ที่จัดขึ้นเมื่อเดือนตุลาคม 52 ที่มียอดจองภายในงาน 2,500 ล้านบาท และยอดผู้เข้าร่วมงานกว่า 1 แสนราย วงเงินขอสินเชื่อ 20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้เชื่อว่าปัจจัยที่ทำให้จำนวนผู้เข้าร่วมงานไม่คึกคักเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งมาจากเมื่อวันศุกร์ที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา มีการชุมนุมประท้วงของกลุ่มคนเสื้อแดงที่หน้าธนาคารกรุงเทพ สาขาสีลม ประกอบกับวันเสาร์ที่ 20 ก.พ.เกิดฝนตกหนัก น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้จำนวนคนที่มาเดินงานวันศุกร์และวันเสาร์ลดน้อยลงกว่าทุกครั้ง
นอกจากนี้ การนำโครงการใหม่ๆ มาเปิดตัวภายในงานของผู้ประกอบการน้อยลง ซึ่งโครงการที่นำมาขายส่วนใหญ่เป็นโครงการที่เปิดตัวมานานแล้ว โดยมีเพียงไม่กี่โครงการใหม่ที่เปิดขายครั้งแรกในงานนี้ เช่น โครงการแชพเตอร์ วัน, คอนโดมิเนียมของกลุ่มพฤกษา เรียลเอสเตท, โครงการ พาร์ซ เอ็กซ์โซ ของอั่งเปา แอสเสท ในเครือณุศาสิริ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางผู้จัดงานคาดว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมงานและยอดขายบ้านภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดในครั้งนี้มากกว่าการจัดงานครั้งที่ผ่านมา เพราะวัดตัวเลขจากการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งพบว่ามีตัวเลขผู้ลงทะเบียนเพิ่มขึ้น 30% อีกทั้งภาครัฐยังไม่มีความชัดเจนว่า จะต่ออายุมาตรการอสังหาฯ หรือไม่ ซึ่งน่าจะเป็นปัจจัยให้เกิดการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อได้เป็นอย่างดี แต่ผลที่ออกมาตัวเลขกลับใกล้เคียงกับการจัดงานครั้งที่ผ่านมา
“เชื่อว่าหลังจากการจัดงานไปแล้ว จะมียอดขายต่อเนื่องที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะหากหลังวันที่ 26 ก.พ.แล้วเหตุการณ์ทางการเมืองไม่มีความรุนแรง คนที่มีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว ก็จะเร่งการตัดสินใจให้ทันกับมาตรการอสังหาฯ ที่คาดว่าจะสิ้นสุดในวันที่ 28 มี.ค.นี้” นายเลิศมงคลกล่าว
ส่วนตัวเลขผู้ลงทะเบียนผ่านสื่อออนไลน์ที่เพิ่มขึ้น 30% ในปีนี้เป็นผลมาจากการที่ผู้จัดงานได้ให้ความสำคัญกับสื่อออนไลน์มากขึ้น ประกอบการการที่โทรศัพท์มือถือประเภทสมาร์ทโฟน อาทิ แบล็กเบอร์รี่ ไอโฟน ขยายตัวมากขึ้น และการที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ หันมาพัฒนาเว็บไซต์สำหรับมือถือมากขึ้น ทำให้เกิดการเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น
นอกจากนี้ 3 สมาคมฯ ประกอบด้วย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร สมาคมอาคารชุด และสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย ในฐานะผู้จัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ได้ปรับนโยบายด้านสื่อออนไลน์ใหม่ด้วยการให้เว็บไซต์ของงานมหกรรมบ้านและคอนโด www.housecondoshow.com สามารถเปิดได้ตลอด 365 วัน จากเดิมที่เว็บไซต์ดังกล่าวสามารถเปิดได้ในช่วงใกล้จะมีงานและระหว่างที่จัดงานเท่านั้น แต่ต่อไปจะเปิดได้ตลอด และให้ผู้ประกอบการที่เข้าร่วมงานนำโครงการของตัวเอง 200-300 โครงการเข้ามาใส่ลิงค์ไว้ในเว็บไซต์ดังกล่าว