“ชายนิด โง้วศิริมณี” บิ๊กบอสเพอร์เฟค สยายปีกลงทุนต่างจังหวัดเน้นหัวเมืองใหญ่ หวังสร้างยอดขายเกินหมื่นล้าน ประเดิมเชียงใหม่จังหวัดแรก พร้อมทำคอนโดฯขาย-ให้นักศึกษาเช่า เผยฐานลูกค้าจำนวนมาก เล็งลงทุน 10 มหาลัยฯดัง ปี 53 ตั้งเป้ายอดขายทั้งปี 1.2 หมื่นล้านบาท ระบุไม่หวั่นประท้วง 26 ก.พ. แต่ห่วง 28 ก.พ.รัฐไม่ต่อมาตรการ
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่บริษัทสร้างยอดขายได้ 7,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้า 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามการที่จะสามารถสร้างยอดขายได้เกิน 1 หมื่นล้านบาท จำเป็นจะต้องขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยการออกไปลงทุนยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ นครราชสีมา ชลบุรี และภูเก็ต ส่วนจะพัฒนาในรูปแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและวัฒนธรรมการอยู่อาศัยของคนในจังหวัดนั้นๆ
ประเดิมลงทุนคอนโดฯเชียงใหม่
สำหรับการลงทุนในต่างจังหวัดโครงการแรกเริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “ยูนิลอฟท์” ซึ่งเป็นคอนโดฯระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ขนาดประมาณ 30-32 ตร.ม./ยูนิต บนเนื้อที่ 8 ไร่ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยพัฒนาเป็นอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น จำนวน 7-8 อาคาร จำนวนไม่เกิน 700 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขายในรูปแบบคอนโดมิเนียม เพื่อให้นักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าแก่นักศึกษา หรือจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ แล้วนำโครงการดังกล่าวไปปล่อยเช่า โดยคาดว่าจะสรุปรูปแบบได้ประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 54
เล็งทำคอนโดฯจับลูกค้านักศึกษา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปสู่กลุ่มนักศึกษาในสถาบันขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 หมื่นรายขึ้นไป อาทิ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ม.เอเบค และม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นต้น โดยจะเน้นสร้างคอนโดมิเนียมหรือ อพาร์ตเมนต์ให้เช่าคล้ายๆการลงทุนที่เชียงใหม่
“มหาวิทยาลัยในเมืองไทยที่มีนักศึกษาเกินกว่า 1 หมื่นคนมีกว่า 20 แห่ง ซึ่งกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ถือเป็นฐานลูกค้าที่กว้างมากซึ่งนักศึกษามีความต้องการทั้งอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัย หลังจากที่ลงทุนที่ม.เชียงใหม่แล้วแผนต่อไปคาดว่าจะลงทุนที่รามคำแหง เพราะมีนักศึกษามากถึง 6 แสนคน โดยจะเตรียมที่ดินประมาณ 30-40 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้” นายชายนิดกล่าว
ตั้งเป้าเปิด 14 โครงการค่า1.7หมื่นล้าน
ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับโครงการเดิมที่ดำเนินอยู่ 15 จะมีโครงการรวมทั้งหมด 29 โครงการ สำหรับโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง แจ้งวัฒนะ รังสิต และเพอร์เฟค พาร์ค บางบัวทอง, ทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ จะเปิดตัวในไตรมาส 2 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ วิลล่า รามคำแหง บางบัวทอง รามอินทรา ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนของสินค้าในระดับ 2 ระดับ และปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้กับ เดอะ วิลล่า ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ด้านคอนโดฯเปิด 5 โครงการ ประกอบด้วย เมโทร สกาย สุขุมวิท และ เมโทร พาร์ค เพิ่มอีก 1 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียม แบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ ยูนิลอฟท์ เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวรวมคอนโดฯที่เชียงใหม่ด้วย
ทั้งนี้ สัดส่วนในการขยายโครงการของบริษัท จะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 60% และเป็นคอนโดฯ 40% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาด
มี.ค.ออกหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท
ส่วนของนโยบายด้านการเงิน ตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในระดับต่ำกว่า 0.8 เท่า จากที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1 เท่า และสำรองสภาพคล่องเงินสดประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในต้นเดือนมีนาคมนี้ บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนในการขยายโครงการ พร้อมตั้งงบประมาณซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนาจำนวน 3,000 ล้านบาท สามารถรองรับการพัฒนาได้อีก 3 ปี
นายชายนิด กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่บริษัทมีความเข้มแข็งในเรื่องการเงิน และงานก่อสร้างโดยเฉพาะการร่วมมือกับพันธมิตรบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มารับงานก่อสร้างให้โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นครอบคลุมกลุ่มลูกค้าระดับราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทไปจนถึง 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนภายใน 3 ปีบริษัทตั้งเป้าการเติบโตที่ปีละ 30% หรือภายใน 3 ปีหลังจากนี้จะมีรายได้ปีละ 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP โตในระดับ 4% อย่างไรก็ตามหาก GDP ลดลง 1-1.5% อาจส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของบริษัทลดลงประมาณ 10-20%
ขณะที่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ฯที่ระดับ “BBB-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันโดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ”A” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ ”คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทฯ สะท้อนถึงผลงานในตลาดบ้านจัดสรรและแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นและจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ไม่หวั่น26 ก.พ.ตัดสินคดียึดทรัพย์
แต่ห่วง28ก.พ.รัฐไม่ต่อมาตรการ
นายชายนิด กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเมืองนั้นเชื่อว่าในวันที่ 26 ก.พ.ที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่อาจจะไปปะทุในช่วงต้นมีนาคม อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง ซึ่งอาจกดดันไม่ให้มีการชุมนุมประท้วงที่รุนแรงได้
อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าเป็นห่วงมาที่สุดคือ วันที่ 28 มีนาคม ที่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯที่จะสิ้นสุดลง เพราะอาจเป็นไปได้หลายรูปแบบทั้งไม่ต่อมาตรการ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว ผู้ประกอบการมีผลกำไรจากการดำเนินงาน หรือหากมีการต่ออายุมาตรการ ก็อาจต่อเพียง 2 ส่วนคือ ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะอาจไม่ให้เพราะเห็นว่าผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งแล้ว
“กรณีที่รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการ อาจทำให้ตลาดอสังหาฯในไตรมาส 2 ชะลอตัวลง และจะส่งผลให้ราคาบ้านปรับขึ้นอย่างน้อย 5% เชื่อว่ารัฐบาลอาจรอดูสถานการณ์ในวันที่ 26 ก.พ.ว่ารุนแรงหรือไม่หากมีความรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แต่หากไม่มีความรุนแรงอาจจะไม่ต่อก็เป็นไปได้” นายชายนิดกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการควรวางแผนการดำเนินงานบนพื้นฐานที่รัฐไม่ต่อมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพราะจะต้องสร้างเข้มแข็งให้แก่ตนเองและพร้อมที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจได้ ซึ่งการวางแผนงานของบริษัทข้างต้นตั้งอยู่บนพื้นฐานที่รัฐบาลไม่ต่อมาตรการ หากรัฐบาลต่อมาตรการออกไปอีกจะทำให้ยอดขายสูงกว่า 12,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ 10 แห่ง ประกอบด้วย สถาบันการเงิน 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ให้กู้เต็ม 100% พร้อมสิทธิพิเศษทางการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ เอไอเอส ยังร่วมมอบ Perfect Family SIM ซิมการ์ดที่ให้ลูกค้าโทรหากันในครอบครัวได้ฟรี และสิทธิพิเศษจาก Serenade Gold ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ ได้รับความร่วมมือจาก 3 แบรนด์ดัง ทั้ง โมเดอร์นฟอร์ม อินเด็กซ์ และ เอสบี เฟอร์นิเจอร์ มอบส่วนลดพิเศษให้กับสมาชิกที่ซื้อบ้าน พร้อมบริการให้คำปรึกษาออกแบบตกแต่งบ้านฟรี
นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดพิเศษจาก Home Renovation Center ในเครือซิเมนต์ไทย เมื่อใช้บริการตรวจสภาพ แต่งเติม และ ซ่อมบำรุงบ้าน รวมทั้งยังได้รับส่วนลดสำหรับค่าบริการรักษาความปลอดภัยในตัวบ้านรายเดือนจาก ซีคอม บริษัทด้านการดูแลความปลอดภัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เพียงลูกค้าเข้ามาที่โครงการและสมัครสมาชิก Perfect Card ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันที นอกจากนี้ยังใช้บริการคลับเฮ้าส์ได้ฟรีทันที และเมื่อซื้อบ้าน ก็จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากโปรโมชั่นปกติ ทั้งส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท ส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25% ฟรี!เบี้ยประกันอัคคีภัยนาน 10 ปี สมาชิกสโมสรเพิ่มอีก 3 เดือน และ ได้รับคะแนน PF Club สะสมไว้เพื่อใช้แลกเป็นของต่างๆ ได้อีกด้วย
นายชายนิด โง้วศิริมณี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้บริษัทวางเป้าหมายยอดขายไว้ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่บริษัทสร้างยอดขายได้ 7,000 ล้านบาท ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้า 1 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามการที่จะสามารถสร้างยอดขายได้เกิน 1 หมื่นล้านบาท จำเป็นจะต้องขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้น ด้วยการออกไปลงทุนยังต่างจังหวัด โดยเฉพาะหัวเมืองหลัก ไม่ว่าจะเป็น เชียงใหม่ นครราชสีมา ชลบุรี และภูเก็ต ส่วนจะพัฒนาในรูปแบบใดนั้นขึ้นอยู่กับสภาพตลาดและวัฒนธรรมการอยู่อาศัยของคนในจังหวัดนั้นๆ
ประเดิมลงทุนคอนโดฯเชียงใหม่
สำหรับการลงทุนในต่างจังหวัดโครงการแรกเริ่มที่จังหวัดเชียงใหม่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมแบรนด์ใหม่ “ยูนิลอฟท์” ซึ่งเป็นคอนโดฯระดับราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท ขนาดประมาณ 30-32 ตร.ม./ยูนิต บนเนื้อที่ 8 ไร่ ด้านหลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยพัฒนาเป็นอาคารสูงไม่เกิน 8 ชั้น จำนวน 7-8 อาคาร จำนวนไม่เกิน 700 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างพิจารณาว่าจะขายในรูปแบบคอนโดมิเนียม เพื่อให้นักลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่าแก่นักศึกษา หรือจัดตั้งเป็นกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ แล้วนำโครงการดังกล่าวไปปล่อยเช่า โดยคาดว่าจะสรุปรูปแบบได้ประมาณไตรมาส 2 ของปีนี้และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 54
เล็งทำคอนโดฯจับลูกค้านักศึกษา
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนที่จะขยายตลาดไปสู่กลุ่มนักศึกษาในสถาบันขนาดใหญ่ตั้งแต่ 1 หมื่นรายขึ้นไป อาทิ มหาวิทยาลัยรามคำแหง, ม.เอเบค และม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต เป็นต้น โดยจะเน้นสร้างคอนโดมิเนียมหรือ อพาร์ตเมนต์ให้เช่าคล้ายๆการลงทุนที่เชียงใหม่
“มหาวิทยาลัยในเมืองไทยที่มีนักศึกษาเกินกว่า 1 หมื่นคนมีกว่า 20 แห่ง ซึ่งกลุ่มนักศึกษาเหล่านี้ถือเป็นฐานลูกค้าที่กว้างมากซึ่งนักศึกษามีความต้องการทั้งอพาร์ตเมนต์หรือคอนโดฯเพื่ออยู่อาศัย หลังจากที่ลงทุนที่ม.เชียงใหม่แล้วแผนต่อไปคาดว่าจะลงทุนที่รามคำแหง เพราะมีนักศึกษามากถึง 6 แสนคน โดยจะเตรียมที่ดินประมาณ 30-40 ไร่ ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาตลาดคาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆนี้” นายชายนิดกล่าว
ตั้งเป้าเปิด 14 โครงการค่า1.7หมื่นล้าน
ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ในปีนี้ 14 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท เมื่อรวมกับโครงการเดิมที่ดำเนินอยู่ 15 จะมีโครงการรวมทั้งหมด 29 โครงการ สำหรับโครงการเปิดใหม่ในปีนี้ แบ่งเป็น บ้านเดี่ยว 4 โครงการ ได้แก่ เพอร์เฟค เพลส รามคำแหง แจ้งวัฒนะ รังสิต และเพอร์เฟค พาร์ค บางบัวทอง, ทาวน์เฮ้าส์ 5 โครงการ จะเปิดตัวในไตรมาส 2 จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ เดอะ วิลล่า รามคำแหง บางบัวทอง รามอินทรา ซึ่งเป็นการเพิ่มสัดส่วนของสินค้าในระดับ 2 ระดับ และปรับภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้กับ เดอะ วิลล่า ให้มีความทันสมัยมากขึ้น
ด้านคอนโดฯเปิด 5 โครงการ ประกอบด้วย เมโทร สกาย สุขุมวิท และ เมโทร พาร์ค เพิ่มอีก 1 โครงการ นอกจากนี้ ยังมีคอนโดมิเนียม แบรนด์ใหม่ ภายใต้ชื่อ ยูนิลอฟท์ เพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ ในจำนวนดังกล่าวรวมคอนโดฯที่เชียงใหม่ด้วย
ทั้งนี้ สัดส่วนในการขยายโครงการของบริษัท จะเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 60% และเป็นคอนโดฯ 40% ซึ่งสอดคล้องกับภาพรวมของตลาด
มี.ค.ออกหุ้นกู้ 1,500 ล้านบาท
ส่วนของนโยบายด้านการเงิน ตั้งเป้าลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)อยู่ในระดับต่ำกว่า 0.8 เท่า จากที่ปัจจุบันอยู่ในระดับ 1 เท่า และสำรองสภาพคล่องเงินสดประมาณ 1,000 ล้านบาท ซึ่งในต้นเดือนมีนาคมนี้ บริษัทยังเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่า 1,500 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นทุนในการขยายโครงการ พร้อมตั้งงบประมาณซื้อที่ดินในปีนี้ไว้ที่ 2,500 ล้านบาท อย่างไรก็ตามบริษัทมีที่ดินสะสมรอการพัฒนาจำนวน 3,000 ล้านบาท สามารถรองรับการพัฒนาได้อีก 3 ปี
นายชายนิด กล่าวต่อว่า ภายหลังจากที่บริษัทมีความเข้มแข็งในเรื่องการเงิน และงานก่อสร้างโดยเฉพาะการร่วมมือกับพันธมิตรบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) มารับงานก่อสร้างให้โดยเฉพาะโครงการคอนโดฯ ทำให้บริษัทมีแผนที่จะขยายฐานลูกค้าให้กว้างขึ้นครอบคลุมกลุ่มลูกค้าระดับราคาตั้งแต่ 1 ล้านบาทไปจนถึง 20 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีแผนภายใน 3 ปีบริษัทตั้งเป้าการเติบโตที่ปีละ 30% หรือภายใน 3 ปีหลังจากนี้จะมีรายได้ปีละ 20,000 ล้านบาท ทั้งนี้เป้าหมายดังกล่าวตั้งอยู่บนพื้นฐานผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ หรือ GDP โตในระดับ 4% อย่างไรก็ตามหาก GDP ลดลง 1-1.5% อาจส่งผลทำให้อัตราการเติบโตของบริษัทลดลงประมาณ 10-20%
ขณะที่ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศคงอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ฯที่ระดับ “BBB-” และคงอันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันชุดปัจจุบันของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วยแนวโน้ม “Stable” หรือ “คงที่” ในขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้งยังประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้มีการค้ำประกันบางส่วนในวงเงินไม่เกิน 1,500 ล้านบาทของบริษัทที่ระดับ “BBB” ด้วย โดยหุ้นกู้ดังกล่าวได้รับการค้ำประกันโดยธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารได้รับการจัดอันดับเครดิตโดยทริสเรทติ้งที่ระดับ ”A” พร้อมแนวโน้ม “Stable” หรือ ”คงที่” อันดับเครดิตดังกล่าวของบริษัทฯ สะท้อนถึงผลงานในตลาดบ้านจัดสรรและแบรนด์สินค้าที่เป็นที่ยอมรับในตลาดที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงบน อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากการที่บริษัทมีความสามารถในการทำกำไรและสภาพคล่องที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการรายอื่นและจากลักษณะที่เป็นวงจรขึ้นลงของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
ไม่หวั่น26 ก.พ.ตัดสินคดียึดทรัพย์
แต่ห่วง28ก.พ.รัฐไม่ต่อมาตรการ
นายชายนิด กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเมืองนั้นเชื่อว่าในวันที่ 26 ก.พ.ที่จะมีการตัดสินคดียึดทรัพย์เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์รุนแรง แต่อาจจะไปปะทุในช่วงต้นมีนาคม อย่างไรก็ตามประชาชนส่วนใหญ่ไม่ต้องการความรุนแรง ซึ่งอาจกดดันไม่ให้มีการชุมนุมประท้วงที่รุนแรงได้
อย่างไรก็ตามปัญหาที่น่าเป็นห่วงมาที่สุดคือ วันที่ 28 มีนาคม ที่มาตรการกระตุ้นอสังหาฯที่จะสิ้นสุดลง เพราะอาจเป็นไปได้หลายรูปแบบทั้งไม่ต่อมาตรการ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวบ้างแล้ว ผู้ประกอบการมีผลกำไรจากการดำเนินงาน หรือหากมีการต่ออายุมาตรการ ก็อาจต่อเพียง 2 ส่วนคือ ค่าธรรมเนียมการโอน และค่าธรรมเนียมการจดจำนอง ส่วนภาษีธุรกิจเฉพาะอาจไม่ให้เพราะเห็นว่าผู้ประกอบการมีความเข้มแข็งแล้ว
“กรณีที่รัฐบาลไม่ต่ออายุมาตรการ อาจทำให้ตลาดอสังหาฯในไตรมาส 2 ชะลอตัวลง และจะส่งผลให้ราคาบ้านปรับขึ้นอย่างน้อย 5% เชื่อว่ารัฐบาลอาจรอดูสถานการณ์ในวันที่ 26 ก.พ.ว่ารุนแรงหรือไม่หากมีความรุนแรงจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้รัฐบาลตัดสินใจใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อไป แต่หากไม่มีความรุนแรงอาจจะไม่ต่อก็เป็นไปได้” นายชายนิดกล่าว
อย่างไรก็ตามผู้ประกอบการควรวางแผนการดำเนินงานบนพื้นฐานที่รัฐไม่ต่อมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ เพราะจะต้องสร้างเข้มแข็งให้แก่ตนเองและพร้อมที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในธุรกิจได้ ซึ่งการวางแผนงานของบริษัทข้างต้นตั้งอยู่บนพื้นฐานที่รัฐบาลไม่ต่อมาตรการ หากรัฐบาลต่อมาตรการออกไปอีกจะทำให้ยอดขายสูงกว่า 12,000 ล้านบาทอย่างแน่นอน
ล่าสุดบริษัทได้ร่วมมือจากกลุ่มพันธมิตรธุรกิจชั้นนำ 10 แห่ง ประกอบด้วย สถาบันการเงิน 4 ธนาคาร ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารออมสิน ธนาคารนครหลวงไทย และ ธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย ให้กู้เต็ม 100% พร้อมสิทธิพิเศษทางการเงินอื่นๆ นอกจากนี้ เอไอเอส ยังร่วมมอบ Perfect Family SIM ซิมการ์ดที่ให้ลูกค้าโทรหากันในครอบครัวได้ฟรี และสิทธิพิเศษจาก Serenade Gold ในส่วนของเฟอร์นิเจอร์ ได้รับความร่วมมือจาก 3 แบรนด์ดัง ทั้ง โมเดอร์นฟอร์ม อินเด็กซ์ และ เอสบี เฟอร์นิเจอร์ มอบส่วนลดพิเศษให้กับสมาชิกที่ซื้อบ้าน พร้อมบริการให้คำปรึกษาออกแบบตกแต่งบ้านฟรี
นอกจากนี้ ยังมีส่วนลดพิเศษจาก Home Renovation Center ในเครือซิเมนต์ไทย เมื่อใช้บริการตรวจสภาพ แต่งเติม และ ซ่อมบำรุงบ้าน รวมทั้งยังได้รับส่วนลดสำหรับค่าบริการรักษาความปลอดภัยในตัวบ้านรายเดือนจาก ซีคอม บริษัทด้านการดูแลความปลอดภัยอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น เพียงลูกค้าเข้ามาที่โครงการและสมัครสมาชิก Perfect Card ก็จะได้รับสิทธิประโยชน์ทันที นอกจากนี้ยังใช้บริการคลับเฮ้าส์ได้ฟรีทันที และเมื่อซื้อบ้าน ก็จะได้รับสิทธิพิเศษเพิ่มจากโปรโมชั่นปกติ ทั้งส่วนลดเพิ่มสูงสุด 100,000 บาท ส่วนลดดอกเบี้ยเพิ่ม 0.25% ฟรี!เบี้ยประกันอัคคีภัยนาน 10 ปี สมาชิกสโมสรเพิ่มอีก 3 เดือน และ ได้รับคะแนน PF Club สะสมไว้เพื่อใช้แลกเป็นของต่างๆ ได้อีกด้วย