SALEE ตกลงขาย " เอสซี วาโด " ให้ นิเด็ค อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) ทั้งหมด 75% ในราคาหุ้นละ 100 บาท โดยประเมินจากมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของเอสซี วาโด เมื่อสิ้นไตรมาส 3 ปี 52 ที่มี Book value อยู่หุ้นละ 52 บาท เผยเตรียมรับเงินเข้ากระเป๋ารวม 72 ล้านบาท เดือน ก.พ.นี้ ส่วนเงินที่ได้ใช้เป็นทุนซื้อเครื่องจักรเพิ่มเพื่อขยายธุรกิจในอนาคตและลดความเสี่ยง
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ให้แก่ บริษัท นิเด็ค อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด 720,001 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทคิดเป็น 75% ของทุนชำระแล้ว ให้แก่ NET ในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 72,000,100 บาท สำหรับเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคาขายในครั้งนี้จะพิจารณาขายในราคาไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี ( Book Value ) ของบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ซึ่งตามงบการเงินสอบทานแล้ว ณ 30 กันยายน 52 อยู่ที่ประมาณหุ้นละ 52 บาท
" SALEE ตัดสินใจขายหุ้น เอสซี วาโด ทั้งหมด 75% ให้กับ NET ในราคารวมทั้งสิ้น 72 ล้านบาท เพราะต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจด้านชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ สำหรับเงินที่ได้รับในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการในอนาคต โดยคาดว่าจะได้รับเงินทั้งจำนวนประมาณสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ "
นายสาทิสกล่าวต่อว่าการดำเนินธุรกิจของ เอสซี วาโด มีความผันผวนค่อนข้างสูงดังนั้นการขายหุ้นออกไป จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับ SALEE ได้ และเมื่อมองในระยะยาวจะทำให้บริษัทมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยสถานะของ SALEE คือการเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ และเมื่อมีเม็ดเงินก้อนใหม่เข้ามาเพิ่ม จากการขายหุ้นในครั้งนี้จะยิ่งทำให้บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจยิ่งขึ้น โดยในปีนี้บริษัทและบริษัทในเครือมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น อาทิ บริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด มีแผนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 1 เครื่อง มูลค่าประมาณ 50-60 ล้านบาทและในช่วงไตรมาสที่ 2/2553 SALEE ก็มีแผนซื้อเครื่องฉีดพลาสติกขนาดใหญ่ คิดเป็นมูลค่า 20-30 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต
สำหรับ บริษัท เอสซี วาโด จำกัด ประกอบธุรกิจ เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากอลูมิเนียมสำหรับชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 96 ล้านบาท จากงบการเงิน ณ 30 กันยายน 52 ที่สอบทานแล้วมีมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) 51 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือนของปี 52 มียอดขาย 254 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท (ซึ่งได้รวมกำไรจากการขายทรัพย์สินประมาณ 11 ล้านบาท)
นายสาทิส ตัตวธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท สาลี่อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) (SALEE) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติอนุมัติให้บริษัทขายหุ้นที่ถือทั้งหมดในบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ให้แก่ บริษัท นิเด็ค อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด 720,001 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100 บาทคิดเป็น 75% ของทุนชำระแล้ว ให้แก่ NET ในราคาหุ้นละ 100 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 72,000,100 บาท สำหรับเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคาขายในครั้งนี้จะพิจารณาขายในราคาไม่ต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชี ( Book Value ) ของบริษัท เอสซี วาโด จำกัด ซึ่งตามงบการเงินสอบทานแล้ว ณ 30 กันยายน 52 อยู่ที่ประมาณหุ้นละ 52 บาท
" SALEE ตัดสินใจขายหุ้น เอสซี วาโด ทั้งหมด 75% ให้กับ NET ในราคารวมทั้งสิ้น 72 ล้านบาท เพราะต้องการลดความเสี่ยงจากความผันผวนของธุรกิจด้านชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ สำหรับเงินที่ได้รับในครั้งนี้ จะนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและขยายกิจการในอนาคต โดยคาดว่าจะได้รับเงินทั้งจำนวนประมาณสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ "
นายสาทิสกล่าวต่อว่าการดำเนินธุรกิจของ เอสซี วาโด มีความผันผวนค่อนข้างสูงดังนั้นการขายหุ้นออกไป จะช่วยลดความเสี่ยงให้กับ SALEE ได้ และเมื่อมองในระยะยาวจะทำให้บริษัทมีความมั่นคงยิ่งขึ้น โดยสถานะของ SALEE คือการเป็นบริษัทที่ไม่มีหนี้ และเมื่อมีเม็ดเงินก้อนใหม่เข้ามาเพิ่ม จากการขายหุ้นในครั้งนี้จะยิ่งทำให้บริษัทมีความพร้อมในการขยายธุรกิจยิ่งขึ้น โดยในปีนี้บริษัทและบริษัทในเครือมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น อาทิ บริษัท พาโก้ สาลี่ พริ้นท์ติ้ง จำกัด มีแผนซื้อเครื่องจักรเพิ่มอีก 1 เครื่อง มูลค่าประมาณ 50-60 ล้านบาทและในช่วงไตรมาสที่ 2/2553 SALEE ก็มีแผนซื้อเครื่องฉีดพลาสติกขนาดใหญ่ คิดเป็นมูลค่า 20-30 ล้านบาท เนื่องจากในปัจจุบันมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต
สำหรับ บริษัท เอสซี วาโด จำกัด ประกอบธุรกิจ เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์จากอลูมิเนียมสำหรับชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 96 ล้านบาท จากงบการเงิน ณ 30 กันยายน 52 ที่สอบทานแล้วมีมูลค่าหุ้นตามบัญชี (Book Value) 51 ล้านบาท ในส่วนของผลการดำเนินงานสำหรับ 9 เดือนของปี 52 มียอดขาย 254 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 19 ล้านบาท (ซึ่งได้รวมกำไรจากการขายทรัพย์สินประมาณ 11 ล้านบาท)