ตลาดหลักทรัพย์ฯหวังหนุนบลจ.ออกกองทุนอีทีเอฟมากขึ้น เล็งยกเว้นเก็บค่าธรรมเนียม จากปีหน้าที่เริ่มเก็บค่าธรรมเนียมการนำดัชนีSET100 SET50 ในการอ้างอิงออกสินค้าเสนอขายแก่นักลงทุน เชื่อตลาดหุ้นไทยปี2553จะผันผวน ปรับตัวเพิ่มขึ้นน้อยกว่าปีนี้
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ปี 2553 ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมในการนำดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น SET50 และ SET100 ไปอ้างอิงเพื่อออกสินค้าเพื่อเสนอขายแก่ประชาชนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บล.) จากที่ผ่านมาไม่ได้มีการเก็บ
แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯอาจจะมีการผ่อนปรนในการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯในการนำไปอ้างอิงในการออกสินค้าที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องการสนับสนุนให้มีมากขึ้น เช่น กองทุนอีทีเอฟ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการออกสินค้าดังกล่าว
โดยในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯจะเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ดัชนี ซึ่งหากนำไปอ้างอิงในการออกกองทุนทั่วไปด้วยอัตราเก็บค่าธรรมเนียมอัตรา 0.1% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร(AUM)ส่วนกองทุนอีทีเอฟ จะเก็บที่ 0.04% ของAUM
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการประชุมหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ในการร่วมกันทำการตลาดปีหน้า โดยร่วมกันจัดงานมหากรรมการลงทุน SET in the city และ Money Expo การไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ต่างๆแก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยการไปโรดต่างประเทศนั้น เบื้องต้นมีแผนที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ส่วนในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่นฯลฯ ขณะที่ประเทศตะวันออกกลางคงต้องอาจชะลอออกไปก่อนเพื่อให้ประเทศในกลุ่มดังกล่าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน
สำหรับแนวโน้มทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนน่และาจะปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ แต่คงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับปี2552ที่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า50% จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งแล้ว แต่หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานก็เชื่อว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยยังมีหุ้นที่น่าสนใจลงทุนอยู่ เช่น ธุรกิจอาหาร จากที่ราคาจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ธุรกิจสถาบันการเงินจากที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่สามารถเข้าไปลงทุนได้ และยังคงมีการจ่ายเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจ
นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย รองผู้จัดการสายงานการตลาดและงานบริการหลังการซื้อขายหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า จากการที่ปี 2553 ตลาดหลักทรัพย์ฯจะมีการเริ่มเก็บค่าธรรมเนียมในการนำดัชนีตลาดหลักทรัพย์ เช่น SET50 และ SET100 ไปอ้างอิงเพื่อออกสินค้าเพื่อเสนอขายแก่ประชาชนของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน(บล.) จากที่ผ่านมาไม่ได้มีการเก็บ
แต่ตลาดหลักทรัพย์ฯอาจจะมีการผ่อนปรนในการเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ดัชนีของตลาดหลักทรัพย์ฯในการนำไปอ้างอิงในการออกสินค้าที่ตลาดหลักทรัพย์ต้องการสนับสนุนให้มีมากขึ้น เช่น กองทุนอีทีเอฟ เพื่อเป็นการลดต้นทุนในการออกสินค้าดังกล่าว
โดยในช่วงที่ผ่านมาตลาดหลักทรัพย์ฯจะเก็บค่าธรรมเนียมการใช้ดัชนี ซึ่งหากนำไปอ้างอิงในการออกกองทุนทั่วไปด้วยอัตราเก็บค่าธรรมเนียมอัตรา 0.1% ของมูลค่าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร(AUM)ส่วนกองทุนอีทีเอฟ จะเก็บที่ 0.04% ของAUM
ทั้งนี้ตลาดหลักทรัพย์ฯได้มีการประชุมหารือกับบริษัทหลักทรัพย์ในการร่วมกันทำการตลาดปีหน้า โดยร่วมกันจัดงานมหากรรมการลงทุน SET in the city และ Money Expo การไปนำเสนอข้อมูล(โรดโชว์)ต่างๆแก่นักลงทุนต่างประเทศ โดยการไปโรดต่างประเทศนั้น เบื้องต้นมีแผนที่จะเดินทางไปประเทศอังกฤษ สหรัฐอเมริกา ส่วนในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ ฮ่องกง ญี่ปุ่นฯลฯ ขณะที่ประเทศตะวันออกกลางคงต้องอาจชะลอออกไปก่อนเพื่อให้ประเทศในกลุ่มดังกล่าวกลับเข้าสู่ภาวะปกติก่อน
สำหรับแนวโน้มทิศทางตลาดหุ้นไทยปีหน้า เชื่อว่าดัชนีตลาดหุ้นไทยจะมีความผันผวนน่และาจะปรับตัวดีขึ้นจากปีนี้ แต่คงจะปรับตัวเพิ่มขึ้นไม่มากเท่ากับปี2552ที่ดัชนีมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า50% จากการที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยได้มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งแล้ว แต่หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานก็เชื่อว่าน่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ โดยยังมีหุ้นที่น่าสนใจลงทุนอยู่ เช่น ธุรกิจอาหาร จากที่ราคาจะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้น ธุรกิจสถาบันการเงินจากที่ราคาหุ้นยังอยู่ในระดับที่สามารถเข้าไปลงทุนได้ และยังคงมีการจ่ายเงินปันผลในระดับที่น่าพอใจ