นายกฯห่วงภาคเกษตรหลังเปิดเสรีอาเซียน 1 ม.ค.53 สั่งพิจารณาปัญหาเรื่องข้อสงวนให้รอบคอบ แนะทุกส่วนต้องเร่งปรับตัว ส.ว.เตือนรับมือผลผลิตเพื่อนบ้านทะลักเข้าไทย ส่งผลกระทบต่อเกษตรกร “ปลัดพาณิชย์” มั่นใจแผนสกัดข้าวเถื่อน หลังเปิดเสรีในปีหน้า
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวให้สัมภาษณ์ถึงการปรับตัวของภาคเอกชนไทยและการเตรียมความพร้อมของประเทศไทย เพื่อไปสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โดยระบุว่า สิ่งที่เราต้องทำมากขึ้นคือหารืออย่างใกล้ชิดกับภาคเอกชนและภาคประชาชน เพื่อให้ได้รับทราบว่าข้อตกลงและข้อผูกมัดต่างๆ ทั้งหลายเป็นอย่างไร ทุกฝ่ายจะได้เตรียมตัวล่วงหน้า เพราะส่วนใหญ่จะเกิดปัญหาคือใกล้ถึงเวลาที่กำหนดให้ข้อตกลงต่างๆมีผลบังคับใช้ ก็จะบอกว่าปรับตัวไม่ทัน ดังนั้นจึงต้องเร่งกันอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า เป็นห่วงเศรษฐกิจในภาคใดเป็นพิเศษ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ตนห่วงใยข้อตกลงการลงทุนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรบางส่วน และตนได้ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งทบทวนแล้วว่าเราสามารถมีข้อสงวนหรือทำอะไรได้หรือไม่ เพราะขณะนี้มีบางประเทศที่มีปัญหาคล้ายกับประเทศไทย แต่บางประเทศมีปัญหาในเรื่องภาษี และบางประเทศมีปัญหาในเรื่องการอนุญาตให้คนเข้าไปประกอบการ อย่างไรก็ตามเรื่องเหล่านี้จะมีวิธีการเจรจา หากเราไม่สามารถสงวนได้ตามกติกา ก็อาจจะมีการเสนอวิธีการชดเชยในเรื่องอื่นแทน
ต่อข้อถามว่า รัฐบาลจะทำอย่างไรไม่ให้คนที่เกี่ยวข้องรู้สึกว่าได้รับผลกระทบ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนกำลังพิจารณา เพราะบางเรื่องมีกฎหมายภายในฉบับอื่นจะมาเป็นกลไกช่วยดูแลคุ้มครองได้ อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่ได้สรุปว่าจะยกเลิกข้อสงวนต่างๆ และได้มอบหมายให้คณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) สรุปอีกครั้งหนึ่งซึ่งจะต้องได้ข้อสรุปก่อนสิ้นปี 2552 นี้
เมื่อถามว่า การเมืองภายในประเทศ และการเมืองระหว่างประเทศจะเป็นตัวฉุดรั้งเศรษฐกิจของประชาคมอาเซียนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า โดยทั่วไปผู้นำทุกประเทศมีความตั้งใจไม่ให้ปัญหาเรื่องการเมืองภายใน หรือปัญหาการกระทบกระทั่งกันบ้าง ที่ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาของประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกันมาเป็นอุปสรรค และในการพูดคุยในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ก็พูดกันอย่างนี้ว่า อาจจะมีข้อขัดแย้งบ้างเป็นครั้งคราว แต่ในแง่ความร่วมมือทั้งหมดยังคงเดินหน้า และไม่มีผู้นำคนใดแสดงท่าทีลังเลในเรื่องการเดินหน้าความร่วมมือ
โดยเช้าวันนี้ นายสุรเดช จิรัฐิติเจริญ ส.ว.ปราจีนบุรี ในฐานะประธานอนุกรรมาธิการติดตามกรอบเจรจาการค้าเสรี วุฒิสภา พร้อมนายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ร่วมกันแถลงข่าวกรณีที่อาเซียนจัดตั้งเขตการค้าเสรีเอเซียนโดยในวันที่ 1 มกราคม 2553 นี้ ประเทศไทยต้องลดภาษีสินค้าทุกรายการทั้งเกษตรและอุตสาหกรรมเหลือร้อยละ 0 ตนเองได้ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่องมาตรการรองรับการลดภาษีสินค้าตามข้อผูกพันเขตการค้าเสรีอาเซียน เพราะเกรงว่าเมื่อลดภาษีสินค้าการเกษตรฯแล้วจะทำให้เกษตรกรไทยได้รับผลกระทบ เพราะจะมีสินค้าจากต่างประเทศทะลักและลับลอบเข้ามาในประเทศไทย จึงอยากถามว่ารัฐบาลมีมาตรการป้องกันและแก้ไขเรื่องดังกล่าวอย่างไร
ด้าน ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า รัฐบาลทุกประเทศกังวลใจว่าหากมีการลดภาษีสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเหลือร้อยละ 0 เกรงว่า ประชาชนจะได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะสินค้าการเกษตร แต่ยืนยันว่ารัฐบาลมีนโยบายพร้อมรับมือไม่ให้มีการลักลอบเข้ามาของสินค้าเกษตร โดยเฉพาะข้าว ขณะนี้รัฐบาลเกรงว่าเมื่อลดภาษีลงแล้วจะมีข้าวต่างประเทศทะลักเข้ามาและทำให้ข้าวของประเทศไทยราคาตกลง ทางรัฐบาลจึงได้มอบหมายกระทรวงพาณิชย์เข้ามาดูแลมากกกว่าปกติ โดยข้าวที่จะเข้ามาในประเทศนั้นต้องมีใบอนุญาตชัดเจนและมีแผน กระบวนการผลิตที่ถูกต้อง ทั้งนี้ สินค้าที่จะเข้ามาต้องเข้าด่านศุลกากรที่มีมาตรฐาน
นอกจากนี้ ยังมีการตั้งคณะกรรมการบูรณาการเพื่อป้องกันการลักลอบนำสินค้าเข้ามาทางประเทศเพื่อนบ้านด้วย ดังนั้นเชื่อว่าเกษตรกรจะคลายความกังวลใจ เพราะว่ารัฐบาลจะดูแลแม้จะมีการเปิดเสรีทางการค้าแต่ก็จะไม่ให้มีผลกระทบกับเกษตรกร อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าเกษตรกรที่ปลูกข้าวจะไม่ได้รับผลกระทบเพราะอย่างไรประเทศไทยเป็นประเทศมหาอำนาจด้านข้าวอยู่แล้ว แต่สิ่งที่เราจะต้องทำคือป้องกันไม่ให้มีการนำข้าวที่ลักลอบเข้ามาปลอมปนเพื่อนำส่งออกไปขายต่างประเทศ