กองสลากเพิ่มยอดพิมพ์ล็อตเตอรี่เป็น 50 ล้านฉบับแก้ปัญหาขายเกินราคา เดินหน้าล้างบางองค์กรเถื่อนประสานสรรพากรดูรางงานทางการเงินป้องกันรายชื่อซ้ำซ้อน
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ บอร์ดกองสลากจะประกาศหลักเกณฑ์จัดสรรโควต้าสลากใหม่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล(ล็อตเตอรี่)เกินราคา หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีแนวทางเพิ่มล็อตเตอรี่จาก 46 ล้านฉบับเป็น 50 ล้านฉบับในงวดวันที่ 1 พ.ย.นี้ และเร่งปราบปรามผู้ขายล็อตเตอรี่เกินราคา
โดยปัจจุบันโควต้าสลากแบ่งกลุ่มผู้ได้รับการจัดสรรเป็น 3 กลุ่มดังนี้ รายย่อยหรือประชาชนทั่วไปมีล็อตเตอรี่ขายแต่ละงวดจำนวน 30 ล้านฉบับหรือ 3 แสนเล่ม สมาคมผู้พิการหรือองค์กรการกุศลมี 27 องค์กร รับโควต้า 10 ล้านฉบับ และที่เหลือเป็นของนิติบุคคลที่มีอยู่ 64 นิติบุคคล ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าสมาคมผู้พิการหลายองค์กรไม่เข้ากลุ่ม ไม่มีตัวตนจริง ดังนั้นในหลักเกณฑ์การจัดสรรใหม่จะต้องรื้อสมาคมผู้พิการโดยพิจารณาจากการจดทะเบียนกับส่วนราชการและมีรายงานทางการเงินกับกรมสรรพากรหรือไม่ หากไม่มีจะไม่สามารถได้รับจัดสรรโควต้าล็อตเตอรี่อีกต่อไป ขณะที่นิติบุคคลก็คลุมเครือ มีลักษณะถือหุ้นไขว้ไปมา กรรมการมีชื่อซ้ำซ้อน แต่เกณฑ์ใหม่จะต้องจัดการส่วนนี้ให้ชัดเจน และจะต้องมีหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร มีแผนและจุดจำหน่ายล็อตเตอรี่ชัดเจน
"ที่ผ่านมารายย่อยถือโควต้าจำนวนมาก แต่บางรายได้แค่ 400 ฉบับหรือ 4 เล่มถึง 20 เล่ม ซึ่งไม่พอจะสร้างรายได้ให้อยู่ได้ ฉะนั้นในหลักเกณฑ์ใหม่จะลดโควต้ารายย่อยลง แต่พวกที่ได้รับจะจัดสรรให้มากกว่า 4 เล่ม อาจอยู่ที่รายละ 20-30 เล่มต่องวด เพื่อให้ต่อเดือนมีรายได้เกินกว่า 1 หมื่นบาท ซึ่งจะพอเลี้ยงครอบครัวได้"นายนครินทร์ กล่าวและว่า สำหรับเงินค้างภาษีจากหวยบนดินกับกรมสรรพากรและกระทรวงมหาดไทยกว่าหมื่นล้านบาทนั้น จะเร่งรัดให้กองสลากชำระภาษีเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
รายงานข่าวจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แจ้งว่า เงินภาษีที่กองสลากจะต้องชำระให้กรมสรรพากร ซึ่งมีข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ถูกรางวัลหวยบนดินก่อนหน้านี้จะต้องชำระด้วยหรือไม่นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมากองสลากได้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษี หัก ณ ที่จ่ายกับผู้ถูกรางวัลไว้แล้วทั้งหมด โดยหักไว้ในอัตรา 1%ของเงินรางวัลที่ได้ ฉะนั้นคาดส่วนนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ที่น่ากังวลคือคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองที่ระบุว่าหวยบนดินเป็นสลากกินรวบไม่ใช่สลากกินแบ่ง ดังนั้นภาษีการพนันที่ได้รับลดหย่อนไว้ 0.5%จาก 10%จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานสลากฯหรือผู้ถูกรางวัลจะเป็นชำระ
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ คณบดีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ในฐานะกรรมการสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการ(บอร์ด)สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ว่า ใน 2-3 สัปดาห์นี้ บอร์ดกองสลากจะประกาศหลักเกณฑ์จัดสรรโควต้าสลากใหม่เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ปัญหาสลากกินแบ่งรัฐบาล(ล็อตเตอรี่)เกินราคา หลังจากก่อนหน้านี้ได้มีแนวทางเพิ่มล็อตเตอรี่จาก 46 ล้านฉบับเป็น 50 ล้านฉบับในงวดวันที่ 1 พ.ย.นี้ และเร่งปราบปรามผู้ขายล็อตเตอรี่เกินราคา
โดยปัจจุบันโควต้าสลากแบ่งกลุ่มผู้ได้รับการจัดสรรเป็น 3 กลุ่มดังนี้ รายย่อยหรือประชาชนทั่วไปมีล็อตเตอรี่ขายแต่ละงวดจำนวน 30 ล้านฉบับหรือ 3 แสนเล่ม สมาคมผู้พิการหรือองค์กรการกุศลมี 27 องค์กร รับโควต้า 10 ล้านฉบับ และที่เหลือเป็นของนิติบุคคลที่มีอยู่ 64 นิติบุคคล ซึ่งจากการสำรวจเบื้องต้นพบว่าสมาคมผู้พิการหลายองค์กรไม่เข้ากลุ่ม ไม่มีตัวตนจริง ดังนั้นในหลักเกณฑ์การจัดสรรใหม่จะต้องรื้อสมาคมผู้พิการโดยพิจารณาจากการจดทะเบียนกับส่วนราชการและมีรายงานทางการเงินกับกรมสรรพากรหรือไม่ หากไม่มีจะไม่สามารถได้รับจัดสรรโควต้าล็อตเตอรี่อีกต่อไป ขณะที่นิติบุคคลก็คลุมเครือ มีลักษณะถือหุ้นไขว้ไปมา กรรมการมีชื่อซ้ำซ้อน แต่เกณฑ์ใหม่จะต้องจัดการส่วนนี้ให้ชัดเจน และจะต้องมีหนังสือสัญญาค้ำประกันจากธนาคาร มีแผนและจุดจำหน่ายล็อตเตอรี่ชัดเจน
"ที่ผ่านมารายย่อยถือโควต้าจำนวนมาก แต่บางรายได้แค่ 400 ฉบับหรือ 4 เล่มถึง 20 เล่ม ซึ่งไม่พอจะสร้างรายได้ให้อยู่ได้ ฉะนั้นในหลักเกณฑ์ใหม่จะลดโควต้ารายย่อยลง แต่พวกที่ได้รับจะจัดสรรให้มากกว่า 4 เล่ม อาจอยู่ที่รายละ 20-30 เล่มต่องวด เพื่อให้ต่อเดือนมีรายได้เกินกว่า 1 หมื่นบาท ซึ่งจะพอเลี้ยงครอบครัวได้"นายนครินทร์ กล่าวและว่า สำหรับเงินค้างภาษีจากหวยบนดินกับกรมสรรพากรและกระทรวงมหาดไทยกว่าหมื่นล้านบาทนั้น จะเร่งรัดให้กองสลากชำระภาษีเพื่อให้เป็นไปตามกฎหมาย
รายงานข่าวจากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล แจ้งว่า เงินภาษีที่กองสลากจะต้องชำระให้กรมสรรพากร ซึ่งมีข้อสังเกตว่ากลุ่มผู้ถูกรางวัลหวยบนดินก่อนหน้านี้จะต้องชำระด้วยหรือไม่นั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมากองสลากได้หักภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาหรือภาษี หัก ณ ที่จ่ายกับผู้ถูกรางวัลไว้แล้วทั้งหมด โดยหักไว้ในอัตรา 1%ของเงินรางวัลที่ได้ ฉะนั้นคาดส่วนนี้ไม่น่าจะมีปัญหา แต่ที่น่ากังวลคือคำพิพากษาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองที่ระบุว่าหวยบนดินเป็นสลากกินรวบไม่ใช่สลากกินแบ่ง ดังนั้นภาษีการพนันที่ได้รับลดหย่อนไว้ 0.5%จาก 10%จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานสลากฯหรือผู้ถูกรางวัลจะเป็นชำระ
