เอ็ม วิชัน ผนึกพันธมิตรโทรศัพท์มือถือกว่า 30 แบรนด์จัดงาน "ไทยแลนด์ โมบายล์ เอ็กซ์โป 2009" ฝ่าภาวะเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย คาดเงินสะพัดภายในงานกว่า 1.2 พันล้านบาท คนเข้าชมงานกว่า 7 แสนคน แบรนด์ดังงัดกลยุทธ์สู้กันยิบตาส่งท้ายปี ซัมซุงมั่นใจขึ้นแท่นเบอร์ 1 ปลายปี
นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชัน จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้บริโภคออกมาใช้จ่ายมากขึ้นนั้น ทำให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมกับการเติบโตของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตเพื่มมากขึ้น ทั้งจากตัวเครืองที่มีการปรับลดราคาลง มีให้เลือกหลากหลายขึ้น รวมถึงอัตราค่าบริการที่ลดต่ำลง จึ่งเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะช่วยกันกระตุ้นตลาด โดยการดึงกำลังซื้อผู้บริโภดกลับมาช่วงโค้งสุดท้ายของปี
"การจัดงานครั้งนี้เปรียบเป็นตลาดสื่อกลางระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับลูกค้า และถือเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้บริโภคเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเป็นช่องทางให้ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ได้พบปะกับกลุ่มผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นตลาดด้านการซื้อขายให้ฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง"
จากผลสำรวจการจัดงานครั้งที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มที่เข้าชมงานจะอยู่ในช่วงอายุ 18-25 ปื หรือคิดเป็น 38% ของผู้เข้าชมงานทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยีมากที่สุด รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 25 - 35 ปี หรือคิดเป็น 34% ส่วนในเรื่องของระดับราคา การเลือกซื้อสินค้าพบว่า มีแนวโน้มซื้อในระดับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ที่ราคา 4,000 - 8,000 บาท จากเดิมที่เลือกซื้อในระดับราคาต่ำกว่า 4,000 บาท รวมถึงผู้บริโภคให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นและสามารถตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วนด้วย
สำหรับการจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานกว่า 1.2 พันล้านบาท จำนวนคนเข้าชมงานคาดว่าจะลดจำนวนลงจากครั้งก่อน 10% จากยอดครั้งที่แล้วประมาณ 7 แสนคน และได้วางงบในการทำตลาด 20 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
"ในงานครั้งนี้มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ออกเป็นอินเตอร์แบรนด์ 70% เฮ้าส์แบรนด์ 30% ส่วนที่คาดการณ์ว่าจำนวนคนจะลดน้อยลงจากครั้งที่แล้ว 10% นั้น เนื่องด้วยปัจจัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่กล้าเข้ามาเดินภายในงาน แต่เรื่องของตัวเลขน่าจะปิดได้ตามเป้าเดิม หรือต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย"
***ซัมซุงมั่นใจขึ้นแท่นเบอร์ 1 ปลายปี
นายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันซัมซุงมียอดขายโทรศัพท์มือถือในเขตกรุงเทพฯ เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 30.5 % ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางด้วยการตลาดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดทัชโฟนซัมซุงก็ยังคงเป็นผู้นำอยู่เช่นเดิม
"คาดว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือในงานตลอด 4 วันนี้ จะได้ประมาณ 3,000 เครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งจุดนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ซัมซุงขึ้นครองอันดับ 1 ตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยภายในสิ้นปีอย่างไม่ยากนัก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 35%"
ล่าสุดซัมซุงได้ส่ง "Samsung Candy" ลงตลาดทัชโฟนอีกหนึ่งรุ่น โดยหวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นในระดับพรีเมี่ยมแมส ที่ชื่นชอบการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นทัชโฟนที่ใช้หน้าจอแบบ TFT-LCD 262,144 สี ขนาด 2.8 นิ้ว (240 x 400 พิกเซล) ยังคงใช้อินเตอร์เฟสแบบ TouchWiz พร้อม Widget ให้ใช้งานสะดวกทางหน้าจอหลักโดยตรง รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบไมโครเอสดีสูงสุด 8 GB การเชื่อมต่อรองรับ บลูทูธ 2.1, USB 2.0 (A2DP) กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช ในราคา 5,990 บาท
***โซนี่ อีริคสันรีเฟรชแบรนด์ใหม่
นายมานพ มณีชวขจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ล์ คอมมูนิเคชัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ใหม่ของ โซนี่ อีริคสันว่า ทางบริษัทได้ทำการรีเฟรชชิง แบรนด์ขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนสโลแกนใหม่ ภายใต้ข้อความ make.belive เช่นเดียวกันกับโซนี่ โดยเน้นการสร้างสินค้าที่มีความแตกต่างในเรื่องของดีไซน์ รวมกับความบันเทิง พร้อมหวัง 3 รุ่นใหม่ติดท็อป 3 ในแต่ละเซกเมนต์
"ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งยังคงเน้นในตลาดกลาง - บนเป็นหลัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงราคาเกิด 4,000 บาทขึ้นไป ซึ่งหวังว่าผลิตภัณฑ์ที่เตรียมออกวางจำหน่ายจะสามารถขึ้นไปอยู่ในท็อป 3 ของแต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแน่นอน สำหรับเครื่องอย่าง Yari Aino และ Sation นั้น มีปัญหาในเรื่องของการนำเข้ามาจำหน่ายล่าช้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของโซนี่ อีริคสันมีการตรวจสอบคุณภาพสูง ทั้งนี้การทำตลาดจะเน้นไปที่การโฟกัสกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางมากขึ้น"
โดยทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้เป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่เป็นเซกเมนต์ใหม่ จากเดิมจะแยกเป็นเซกเมนต์ วอล์กแมน เซกเมนต์ ไซเบอร์ช็อต แต่ครึ่งนี้เป็นการนำข้อได้เปรียบมาผสมผสานความเป็นหนึ่งแต่ละเซกเมนต์ไว้ในเครื่องเดียว โดยเรียกชื่อใหม่ว่าเป็นเซกเมนต์การสื่อสาร-ความบันเทิงเต็มรูปแบบ จุดนี้เองจึงทำให้ทางโซนี อิริคสันเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการใช้ชื่อใหม่ที่เป็นชื่อเฉพาะ"
ส่วนยักษ์ใหญ่อินเตอร์แบรนด์อีกเจ้าอย่างโนเกียไม่ได้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในงานนี้ แต่ได้ยกขบวนเครื่องรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงาน Nokia World 2009 มาให้ได้สัมผัสกันครบทีมทั้ง X3, X6, N900, E72 และ N97mini ซึ่ง โนเกีย N97mini นอกจากจะนำมาให้ทดลองสัมผัสแล้ว ยังมีการเปิดให้จองภายในงานนี้อีกด้วย เพื่อรับเครื่องจริงราวปลายเดือนตุลาคมนี้
ผู้บริหารของโนเกีย ให้สัมภาษณ์เพียงว่า ภายในงานดังกล่าว โนเกียจะเน้นไปที่การเปิดให้รับชมเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงการใช้งานบริการ Ovi ที่ทางโนเกียกำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ ส่วนความคาดหวังในเรื่องของยอดขายในงานนี้ก็ยังให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
งานนี้ เฮาส์แบรนด์รายใหญ่อย่างไอโมบายล์เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 6 รุ่นใหม่ล่าสุด i-mobile Hitz 204, i-mobile Hitz 210, i-mobile Hitz 212, i-mobile TV 640 QWERTY, i-mobile TV 650 Touch, i-mobile TV 658 Touch ชูจุดเด่นตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เช่น ทัชสกรีน ดูทีวีฟรี ใช้งาน 2 ซิม และคีย์บอร์ด QWERTY ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรองรับการใช้งานรับส่งอีเมลแบบผลักด้วย โดยวางแผนใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท ส่วนยอดขายคาดว่าจะได้มากกว่า 250,000 เครื่องต่อเดือนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับงาน Thailand Mobile Expo 2009 ส่งท้ายปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.
นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ็ม วิชัน จำกัด เปิดเผยว่า จากการที่ภาครัฐออกแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้ผู้บริโภคออกมาใช้จ่ายมากขึ้นนั้น ทำให้เห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น รวมกับการเติบโตของตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ยังมีแนวโน้มเติบโตเพื่มมากขึ้น ทั้งจากตัวเครืองที่มีการปรับลดราคาลง มีให้เลือกหลากหลายขึ้น รวมถึงอัตราค่าบริการที่ลดต่ำลง จึ่งเป็นโอกาสดีของผู้ประกอบการที่จะช่วยกันกระตุ้นตลาด โดยการดึงกำลังซื้อผู้บริโภดกลับมาช่วงโค้งสุดท้ายของปี
"การจัดงานครั้งนี้เปรียบเป็นตลาดสื่อกลางระหว่างบริษัทผู้ผลิตกับลูกค้า และถือเป็นการเปิดโอกาสให้แก่ผู้บริโภคเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ และฮาร์ดแวร์ของโทรศัพท์มือถือ รวมถึงเป็นช่องทางให้ตัวแทนจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ได้พบปะกับกลุ่มผู้ซื้อโดยตรง ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการกระตุ้นตลาดด้านการซื้อขายให้ฟื้นตัวกลับมาได้บ้าง"
จากผลสำรวจการจัดงานครั้งที่ผ่านมาพบว่า กลุ่มที่เข้าชมงานจะอยู่ในช่วงอายุ 18-25 ปื หรือคิดเป็น 38% ของผู้เข้าชมงานทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เป็นเพศชาย เนื่องจากเป็นกลุ่มที่มีความสนใจในเรื่องของเทคโนโลยีมากที่สุด รองลงมาอยู่ในช่วงอายุ 25 - 35 ปี หรือคิดเป็น 34% ส่วนในเรื่องของระดับราคา การเลือกซื้อสินค้าพบว่า มีแนวโน้มซื้อในระดับราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอยู่ที่ราคา 4,000 - 8,000 บาท จากเดิมที่เลือกซื้อในระดับราคาต่ำกว่า 4,000 บาท รวมถึงผู้บริโภคให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าที่มีคุณภาพมากขึ้นและสามารถตอบสนองความต้องการได้ครบถ้วนด้วย
สำหรับการจัดงานครั้งนี้คาดว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานกว่า 1.2 พันล้านบาท จำนวนคนเข้าชมงานคาดว่าจะลดจำนวนลงจากครั้งก่อน 10% จากยอดครั้งที่แล้วประมาณ 7 แสนคน และได้วางงบในการทำตลาด 20 ล้านบาท เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายให้ได้มากที่สุด
"ในงานครั้งนี้มีการแบ่งสัดส่วนพื้นที่ออกเป็นอินเตอร์แบรนด์ 70% เฮ้าส์แบรนด์ 30% ส่วนที่คาดการณ์ว่าจำนวนคนจะลดน้อยลงจากครั้งที่แล้ว 10% นั้น เนื่องด้วยปัจจัยการระบาดของไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ทำให้ประชาชนบางส่วนไม่กล้าเข้ามาเดินภายในงาน แต่เรื่องของตัวเลขน่าจะปิดได้ตามเป้าเดิม หรือต่ำกว่าเดิมเล็กน้อย"
***ซัมซุงมั่นใจขึ้นแท่นเบอร์ 1 ปลายปี
นายมนาเทศ อันนวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มธุรกิจสื่อสารการตลาดและองค์กร บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันซัมซุงมียอดขายโทรศัพท์มือถือในเขตกรุงเทพฯ เป็นอันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาดกว่า 30.5 % ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงความแข็งแกร่งทางด้วยการตลาดที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตลาดทัชโฟนซัมซุงก็ยังคงเป็นผู้นำอยู่เช่นเดิม
"คาดว่ายอดขายโทรศัพท์มือถือในงานตลอด 4 วันนี้ จะได้ประมาณ 3,000 เครื่อง หรือคิดเป็นมูลค่าประมาณ 25 ล้านบาท ซึ่งจุดนี้จะเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้ซัมซุงขึ้นครองอันดับ 1 ตลาดโทรศัพท์มือถือประเทศไทยภายในสิ้นปีอย่างไม่ยากนัก ด้วยส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 35%"
ล่าสุดซัมซุงได้ส่ง "Samsung Candy" ลงตลาดทัชโฟนอีกหนึ่งรุ่น โดยหวังเจาะกลุ่มวัยรุ่นในระดับพรีเมี่ยมแมส ที่ชื่นชอบการใช้งานเครือข่ายสังคมออนไลน์ ซึ่งเป็นทัชโฟนที่ใช้หน้าจอแบบ TFT-LCD 262,144 สี ขนาด 2.8 นิ้ว (240 x 400 พิกเซล) ยังคงใช้อินเตอร์เฟสแบบ TouchWiz พร้อม Widget ให้ใช้งานสะดวกทางหน้าจอหลักโดยตรง รองรับหน่วยความจำภายนอกแบบไมโครเอสดีสูงสุด 8 GB การเชื่อมต่อรองรับ บลูทูธ 2.1, USB 2.0 (A2DP) กล้องดิจิตอล 2 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช ในราคา 5,990 บาท
***โซนี่ อีริคสันรีเฟรชแบรนด์ใหม่
นายมานพ มณีชวขจร ผู้จัดการทั่วไป บริษัท โซนี่ อีริคสัน โมบายล์ล์ คอมมูนิเคชัน (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์ใหม่ของ โซนี่ อีริคสันว่า ทางบริษัทได้ทำการรีเฟรชชิง แบรนด์ขึ้นใหม่ โดยเปลี่ยนสโลแกนใหม่ ภายใต้ข้อความ make.belive เช่นเดียวกันกับโซนี่ โดยเน้นการสร้างสินค้าที่มีความแตกต่างในเรื่องของดีไซน์ รวมกับความบันเทิง พร้อมหวัง 3 รุ่นใหม่ติดท็อป 3 ในแต่ละเซกเมนต์
"ในส่วนของส่วนแบ่งการตลาดในปัจจุบันจะอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งยังคงเน้นในตลาดกลาง - บนเป็นหลัก เนื่องจากผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงราคาเกิด 4,000 บาทขึ้นไป ซึ่งหวังว่าผลิตภัณฑ์ที่เตรียมออกวางจำหน่ายจะสามารถขึ้นไปอยู่ในท็อป 3 ของแต่ละเซกเมนต์ได้อย่างแน่นอน สำหรับเครื่องอย่าง Yari Aino และ Sation นั้น มีปัญหาในเรื่องของการนำเข้ามาจำหน่ายล่าช้า เนื่องจากผลิตภัณฑ์ของโซนี่ อีริคสันมีการตรวจสอบคุณภาพสูง ทั้งนี้การทำตลาดจะเน้นไปที่การโฟกัสกลุ่มลูกค้าเฉพาะทางมากขึ้น"
โดยทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้เป็นผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียมที่เป็นเซกเมนต์ใหม่ จากเดิมจะแยกเป็นเซกเมนต์ วอล์กแมน เซกเมนต์ ไซเบอร์ช็อต แต่ครึ่งนี้เป็นการนำข้อได้เปรียบมาผสมผสานความเป็นหนึ่งแต่ละเซกเมนต์ไว้ในเครื่องเดียว โดยเรียกชื่อใหม่ว่าเป็นเซกเมนต์การสื่อสาร-ความบันเทิงเต็มรูปแบบ จุดนี้เองจึงทำให้ทางโซนี อิริคสันเปลี่ยนกลยุทธ์โดยการใช้ชื่อใหม่ที่เป็นชื่อเฉพาะ"
ส่วนยักษ์ใหญ่อินเตอร์แบรนด์อีกเจ้าอย่างโนเกียไม่ได้มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่ในงานนี้ แต่ได้ยกขบวนเครื่องรุ่นใหม่ที่เปิดตัวในงาน Nokia World 2009 มาให้ได้สัมผัสกันครบทีมทั้ง X3, X6, N900, E72 และ N97mini ซึ่ง โนเกีย N97mini นอกจากจะนำมาให้ทดลองสัมผัสแล้ว ยังมีการเปิดให้จองภายในงานนี้อีกด้วย เพื่อรับเครื่องจริงราวปลายเดือนตุลาคมนี้
ผู้บริหารของโนเกีย ให้สัมภาษณ์เพียงว่า ภายในงานดังกล่าว โนเกียจะเน้นไปที่การเปิดให้รับชมเทคโนโลยีใหม่ๆ รวมไปถึงการใช้งานบริการ Ovi ที่ทางโนเกียกำลังให้ความสำคัญในขณะนี้ ส่วนความคาดหวังในเรื่องของยอดขายในงานนี้ก็ยังให้ความสำคัญเช่นเดียวกัน เพียงแต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
งานนี้ เฮาส์แบรนด์รายใหญ่อย่างไอโมบายล์เปิดตัวโทรศัพท์มือถือ 6 รุ่นใหม่ล่าสุด i-mobile Hitz 204, i-mobile Hitz 210, i-mobile Hitz 212, i-mobile TV 640 QWERTY, i-mobile TV 650 Touch, i-mobile TV 658 Touch ชูจุดเด่นตอบสนองไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ เช่น ทัชสกรีน ดูทีวีฟรี ใช้งาน 2 ซิม และคีย์บอร์ด QWERTY ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งรองรับการใช้งานรับส่งอีเมลแบบผลักด้วย โดยวางแผนใช้งบการตลาด 100 ล้านบาท ส่วนยอดขายคาดว่าจะได้มากกว่า 250,000 เครื่องต่อเดือนในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้
สำหรับงาน Thailand Mobile Expo 2009 ส่งท้ายปีนี้ จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 1-4 ตุลาคม 2552 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.