ปตท.รุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นในต่างประเทศ พุ่งเป้าจีน สหรัฐฯ ยุโรปและออสเตรเลีย เตรียมจับมือกับพันธมิตรท้องถิ่นร่วมทำตลาด วางเป้าหมาย 5 ปี มียอดขายน้ำมันหล่อลื่นต่างประเทศคิดเป็น 20% ของยอดขายรวม ปลื้มปีนี้โค่นแชมป์เก่าอย่างเชลล์ทุกผลิตภัณฑ์ ก้าวสู่เบอร์ 1 ตลาดน้ำมันหล่อลื่นด้วยส่วนแบ่งตลาดในช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ 36.81% โดยปีนี้คาดยอดขายหล่อลื่นแตะ 113.75 ล้านลิตร โตขึ้น 8%
นายรัชเดช เข็มทอง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ปตท.มีแผนรุกตลาดส่งออกน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการบุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นในกลุ่มประเทศอาเซียน ไต้หวัน ฮ่องกง กรีซ นิวซีแลนด์และไนจีเรีย จนทำให้ยอดขายน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้นจาก 4.67 ล้านลิตรในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7.53 ล้านลิตรในปี 2551 โดยเป้าหมายตลาดต่างประเทศที่ปตท.จะขยายเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป จีนและออสเตรเลีย โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่นั้นๆ ในการทำตลาด
ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับบริษัท TOP SHIP ของจีนในการทำตลาดน้ำมันหล่อลื่นในมณฑลกว้างตุ้ง ที่มียอดใช้น้ำมันหล่อลื่นสูงถึง 600 ล้านลิตร/ปี ภายใต้แบรนด์ PTT โดยมีชื่อจีนที่มีความหมายนกไม่มีวันตาย (นกฟินิกซ์) นับเป็นการบุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นในจีนโดยอาศัยความได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-จีน ทำให้ภาษีนำเข้าเหลือ 0% ซึ่งสามารถทำตลาดแข่งขันกับเชลล์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 1 ของจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 20% หากปตท.สามารถทำตลาดในกวางตุ้งได้เชื่อว่าจะทำให้ยอดส่งออกน้ำมันหล่อลื่นของปตท.เติบโตเพิ่มขึ้นมาก
ส่วนการบุกตลาดสหรัฐฯ นั้น ปตท.เตรียมส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นประเภท Extra Long Drain ไปทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตรงกับมาตรฐานของสหรัฐฯ ก่อน หลังจากนั้นก็จะทำตลาดโดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่น
นายรัชเดชกล่าวว่า ปตท.ได้วางเป้าหมายยอดขายน้ำมันหล่อลื่นทั้งในและต่างประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านลิตร/เดือน หรือปีละ 210 ล้านลิตร แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 13-14 ล้านลิตร/เดือน และตลาดส่งออกอีก 4 ล้านลิตร/เดือน คิดเป็นรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันนี้ที่มียอดขายน้ำมันหล่อลื่น 6-7 พันล้านบาท
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าสำหรับธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นนั้น ไม่สูงมาก ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้วย เพราะปัจจุบันปตท.มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน 2 โรงจากไทยลู้บเบส และบมจ.ไออาร์พีซี และมีโรงทำน้ำมันหล่อลื่นอีก 2แห่งคือ ไทยลู้บเบรนดิ้ง และคลังพระโขนง ซึ่งมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการขยายตัวของตลาดน้ำมันหล่อลื่นในอนาคต
“ใน 5 ปีข้างหน้า ปตท.วางเป้าหมายอดขายน้ำมันหล่อลื่นในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของปริมาณการขายในประเทศ จากปัจจุบันที่ยอดส่งออกมีค่อนข้างน้อยเพราะเพิ่งทำตลาดส่งออกได้ไม่นาน โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกน้ำมันหล่อลื่นได้ 7.16-8 ล้านลิตร”
ภาพรวมตลาดน้ำมันหล่อลื่นในไทยช่วงปี 2551 มียอดการใช้รวม 508.83 ล้านลิตร โดยปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 แต่ล่าสุดในช่วง 7เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ปตท.มีส่วนแบ่งตลาด น้ำมันหล่อลื่น (เฉพาะผู้ค้ามาตรา 7) เป็นอันดับ 1 คิดเป็น 36.81% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 31.14% โค่นแชมป์อย่างเชลล์ลงได้ในทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น จากเดิมที่ปตท.มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเฉพาะน้ำมันหล่อลื่นกลุ่มดีเซลเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มียอดขายรวม 185.78 ล้านลิตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.22% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกและยานยนต์ แต่ยอดขายน้ำมันหล่อลื่นปตท.กลับเพิ่มขึ้น 6.13% คิดเป็นยอดขายรวม 68.39 ล้านลิตร โดยมีส่วนแบ่งตลาดน้ำมันหล่อลื่นกลุ่มเบนซิน 30.98% น้ำมันหล่อลื่นกลุ่มดีเซล 37.09%น้ำมันหล่อลื่นกลุ่มอื่นๆ 39.29% โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำมันหล่อลื่นไว้รวม 113.75 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 8%
นายรัชเดช เข็มทอง ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาตลาดหล่อลื่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ในปีนี้ ปตท.มีแผนรุกตลาดส่งออกน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้น หลังจากประสบความสำเร็จในการบุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นในกลุ่มประเทศอาเซียน ไต้หวัน ฮ่องกง กรีซ นิวซีแลนด์และไนจีเรีย จนทำให้ยอดขายน้ำมันหล่อลื่นเพิ่มขึ้นจาก 4.67 ล้านลิตรในปี 2550 เพิ่มขึ้นเป็น 7.53 ล้านลิตรในปี 2551 โดยเป้าหมายตลาดต่างประเทศที่ปตท.จะขยายเพิ่มเติมในปีนี้ ได้แก่ สหรัฐฯ ยุโรป จีนและออสเตรเลีย โดยจะร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจในพื้นที่นั้นๆ ในการทำตลาด
ล่าสุดบริษัทได้จับมือกับบริษัท TOP SHIP ของจีนในการทำตลาดน้ำมันหล่อลื่นในมณฑลกว้างตุ้ง ที่มียอดใช้น้ำมันหล่อลื่นสูงถึง 600 ล้านลิตร/ปี ภายใต้แบรนด์ PTT โดยมีชื่อจีนที่มีความหมายนกไม่มีวันตาย (นกฟินิกซ์) นับเป็นการบุกตลาดน้ำมันหล่อลื่นในจีนโดยอาศัยความได้เปรียบจากข้อตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-จีน ทำให้ภาษีนำเข้าเหลือ 0% ซึ่งสามารถทำตลาดแข่งขันกับเชลล์ ที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงเป็นอันดับ 1 ของจีน โดยมีส่วนแบ่งตลาด 20% หากปตท.สามารถทำตลาดในกวางตุ้งได้เชื่อว่าจะทำให้ยอดส่งออกน้ำมันหล่อลื่นของปตท.เติบโตเพิ่มขึ้นมาก
ส่วนการบุกตลาดสหรัฐฯ นั้น ปตท.เตรียมส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่นประเภท Extra Long Drain ไปทดสอบมาตรฐานผลิตภัณฑ์เพื่อให้ตรงกับมาตรฐานของสหรัฐฯ ก่อน หลังจากนั้นก็จะทำตลาดโดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในท้องถิ่น
นายรัชเดชกล่าวว่า ปตท.ได้วางเป้าหมายยอดขายน้ำมันหล่อลื่นทั้งในและต่างประเทศในอีก 5 ปีข้างหน้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านลิตร/เดือน หรือปีละ 210 ล้านลิตร แบ่งเป็นตลาดในประเทศ 13-14 ล้านลิตร/เดือน และตลาดส่งออกอีก 4 ล้านลิตร/เดือน คิดเป็นรายได้รวม 1 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันนี้ที่มียอดขายน้ำมันหล่อลื่น 6-7 พันล้านบาท
สำหรับเม็ดเงินลงทุนในช่วง 5 ปีข้างหน้าสำหรับธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นนั้น ไม่สูงมาก ส่วนใหญ่เป็นงบลงทุนสำหรับการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ ซึ่งขึ้นกับการพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้วย เพราะปัจจุบันปตท.มีโรงงานผลิตน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน 2 โรงจากไทยลู้บเบส และบมจ.ไออาร์พีซี และมีโรงทำน้ำมันหล่อลื่นอีก 2แห่งคือ ไทยลู้บเบรนดิ้ง และคลังพระโขนง ซึ่งมีกำลังการผลิตเพียงพอต่อการขยายตัวของตลาดน้ำมันหล่อลื่นในอนาคต
“ใน 5 ปีข้างหน้า ปตท.วางเป้าหมายอดขายน้ำมันหล่อลื่นในต่างประเทศจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ของปริมาณการขายในประเทศ จากปัจจุบันที่ยอดส่งออกมีค่อนข้างน้อยเพราะเพิ่งทำตลาดส่งออกได้ไม่นาน โดยปีนี้คาดว่าจะส่งออกน้ำมันหล่อลื่นได้ 7.16-8 ล้านลิตร”
ภาพรวมตลาดน้ำมันหล่อลื่นในไทยช่วงปี 2551 มียอดการใช้รวม 508.83 ล้านลิตร โดยปตท.มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 แต่ล่าสุดในช่วง 7เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) ปตท.มีส่วนแบ่งตลาด น้ำมันหล่อลื่น (เฉพาะผู้ค้ามาตรา 7) เป็นอันดับ 1 คิดเป็น 36.81% เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีส่วนแบ่งตลาดเพียง 31.14% โค่นแชมป์อย่างเชลล์ลงได้ในทุกผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น จากเดิมที่ปตท.มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดเฉพาะน้ำมันหล่อลื่นกลุ่มดีเซลเท่านั้น
ทั้งนี้ ตลาดน้ำมันหล่อลื่นในประเทศช่วง 7 เดือนแรกปีนี้ มียอดขายรวม 185.78 ล้านลิตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.22% เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤติการเงินโลกทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการส่งออกและยานยนต์ แต่ยอดขายน้ำมันหล่อลื่นปตท.กลับเพิ่มขึ้น 6.13% คิดเป็นยอดขายรวม 68.39 ล้านลิตร โดยมีส่วนแบ่งตลาดน้ำมันหล่อลื่นกลุ่มเบนซิน 30.98% น้ำมันหล่อลื่นกลุ่มดีเซล 37.09%น้ำมันหล่อลื่นกลุ่มอื่นๆ 39.29% โดยปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายยอดขายน้ำมันหล่อลื่นไว้รวม 113.75 ล้านลิตร เพิ่มขึ้น 8%