คลังเผยเศรษฐกิจไทยส่งสัญญาณปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องหลังภาครัฐรับบทนำอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ระบุหากภาครัฐยังรักษาบทบาทได้ต่อเนื่องถึงปีหน้าเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวรูปตัววีแน่นอน สศค.เตรียมประกาศปรับประมาณการเศรษฐกิจใหม่เดือนหน้า
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาสที 3 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมากกว่าในไตรมาสที่ 2 และมีทิศทางที่ดีขึ้นตามที่สศค.เคยคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไทยจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 1 และขยายตัวจนเป็นบวกในที่สุดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
โดยปัจจัยที่ส่งผลอย่างเป็นนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวในครั้งนี้คือการเบิกจ่ายเงินงบประมาณภาครัฐที่ถือเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐแล้วกว่า 61.6% ถือว่าหน่วยงายที่รับผิดชอบด้านการเบิกจ่ายสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้กลไกลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากไตรมาส 3 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 ได้
“เศรษฐกิจไทยโดยรวมแม้ว่าจะดูเปราะบางแต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผ่านมาถือว่าส่งสัญญาณที่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องไม่ชะล่าใจเกี่ยวกับปัจจัยลบที่รัฐบาลจะต้องจัดการกับตัวแปรต่างๆ เหล่านี้ให้กลับมาเป็นบวกให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งภาคเอกชนยังรอดูทิศทางของรัฐบาลว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้มากเพียงใดหากสามารถทำได้เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวเป็นรูปตัววีอย่างแน่นอน” นายสมชัยกล่าว
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจของ สศค.พบสัญญาณที่จะทำให้เศรษฐกิจของไทยมีการฟื้นตัวรูปตัววีในช่วงสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากฐานในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วที่ต่ำมากและปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในช่วงนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจคงเป็นไปตามที่ สศค.คาดการณ์
อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ประมาทพยายามหามาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาครัฐที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เข้าสู่ระบบโดยเร็ว ซึ่งจากการติดตามของสศค.จะพบว่าเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะสั้น SP 1 ถูกเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 70% โครงการต่างๆ ในปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จะต้องมีการเบิกจ่ายงบเข้าสู่โครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้ขยายตัวได้ในไตรมาส 1และไตรมาสต่อๆ ไปของปีหน้า
“หากรัฐบาลสามารถรักษาบทบาทหลักผ่านนโยบายการคลังต่อไปเศรษฐกิจของไทยก็จะยังเป็นวีเชฟได้ ซึ่งหากจะมีการขยายตัวในแบบดับเบิ้ลยูเชฟนั้นปัจจัยที่สำคัญคือเศรษฐกิจของเอเชียจะชะลอตัวลง ดังนั้นบทบาทของรัฐบาลนอกจากจะเป็นตัวหลักในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบแล้วยังต้องสนับสนุนให้มีการค้ากันภายในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจในภูมิภาคโดยรวมเติบโตไปด้วยกันได้”
สศค.อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขที่สำคัญต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจเพื่อเตรียมปรับประมาณการทางเศรษฐกิจใหม่ในเดือนกันยายน ซึ่งหากไม่มีเหตุการรุนแรงมากระทบภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็คาดว่าจะมีการปรับประมาณการในทิศทางที่ดีขึ้น
***สศค.สัมมนา "ฟื้นแล้วจริงหรือ”
วันนี้ (28 ส.ค.) จัดสัมมนาเรื่อง “เศรษฐกิจไทยใกล้จะฟื้นตัวแล้วจริงหรือ” และ “ครบรอบ 1 ปี กฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา” ที่โรงแรมวังใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของเศรษฐกิจไทย สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงกลไกการส่งผ่านสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางในการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเพิ่มโอกาสให้แก่เศรษฐกิจไทย และเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลักการ และสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแสดงความคิดเห็น เป็นสัมมนาวิชาการภายใต้ "โครงการขยายบทบาท สศค. สู่ภูมิภาค" ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยครั้งแรกที่สมุทรสาคร และครั้งที่ 2 ที่มุกดาหาร
นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยในเดือนก.ค.ซึ่งเป็นเดือนแรกของไตรมาสที 3 ส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้นมากกว่าในไตรมาสที่ 2 และมีทิศทางที่ดีขึ้นตามที่สศค.เคยคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจไทยจะถึงจุดต่ำสุดในไตรมาสที่ 1 และขยายตัวจนเป็นบวกในที่สุดในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้
โดยปัจจัยที่ส่งผลอย่างเป็นนัยสำคัญต่อการฟื้นตัวในครั้งนี้คือการเบิกจ่ายเงินงบประมาณภาครัฐที่ถือเป็นหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมามีการอัดฉีดเม็ดเงินลงทุนจากภาครัฐแล้วกว่า 61.6% ถือว่าหน่วยงายที่รับผิดชอบด้านการเบิกจ่ายสามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพทำให้กลไกลในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจากไตรมาส 3 ขยายตัวอย่างต่อเนื่องในไตรมาส 4 ได้
“เศรษฐกิจไทยโดยรวมแม้ว่าจะดูเปราะบางแต่การขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ผ่านมาถือว่าส่งสัญญาณที่ขึ้นเรื่อยๆ แต่ต้องไม่ชะล่าใจเกี่ยวกับปัจจัยลบที่รัฐบาลจะต้องจัดการกับตัวแปรต่างๆ เหล่านี้ให้กลับมาเป็นบวกให้ได้โดยเร็วที่สุด ซึ่งภาคเอกชนยังรอดูทิศทางของรัฐบาลว่าจะสร้างความเชื่อมั่นได้มากเพียงใดหากสามารถทำได้เชื่อว่าเศรษฐกิจของไทยจะฟื้นตัวเป็นรูปตัววีอย่างแน่นอน” นายสมชัยกล่าว
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเศรษฐกิจมหภาค ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการเฝ้าติดตามภาวะเศรษฐกิจของ สศค.พบสัญญาณที่จะทำให้เศรษฐกิจของไทยมีการฟื้นตัวรูปตัววีในช่วงสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน เพราะเมื่อพิจารณาจากฐานในไตรมาส 4 ของปีที่แล้วที่ต่ำมากและปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นในช่วงนี้การขยายตัวของเศรษฐกิจคงเป็นไปตามที่ สศค.คาดการณ์
อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องไม่ประมาทพยายามหามาตรการที่จะออกมากระตุ้นเศรษฐกิจให้เดินหน้าได้อย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะภาครัฐที่ต้องเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินงบประมาณให้เข้าสู่ระบบโดยเร็ว ซึ่งจากการติดตามของสศค.จะพบว่าเงินจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในระยะสั้น SP 1 ถูกเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 70% โครงการต่างๆ ในปฏิบัติการไทยเข้มแข็ง 2555 จะต้องมีการเบิกจ่ายงบเข้าสู่โครงการอย่างต่อเนื่องเพื่อผลักดันให้ขยายตัวได้ในไตรมาส 1และไตรมาสต่อๆ ไปของปีหน้า
“หากรัฐบาลสามารถรักษาบทบาทหลักผ่านนโยบายการคลังต่อไปเศรษฐกิจของไทยก็จะยังเป็นวีเชฟได้ ซึ่งหากจะมีการขยายตัวในแบบดับเบิ้ลยูเชฟนั้นปัจจัยที่สำคัญคือเศรษฐกิจของเอเชียจะชะลอตัวลง ดังนั้นบทบาทของรัฐบาลนอกจากจะเป็นตัวหลักในการเบิกจ่ายเงินงบประมาณเข้าสู่ระบบแล้วยังต้องสนับสนุนให้มีการค้ากันภายในภูมิภาคเอเชียมากขึ้นเพื่อให้เศรษฐกิจในภูมิภาคโดยรวมเติบโตไปด้วยกันได้”
สศค.อยู่ระหว่างรวบรวมตัวเลขที่สำคัญต่างๆ ทางด้านเศรษฐกิจเพื่อเตรียมปรับประมาณการทางเศรษฐกิจใหม่ในเดือนกันยายน ซึ่งหากไม่มีเหตุการรุนแรงมากระทบภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศก็คาดว่าจะมีการปรับประมาณการในทิศทางที่ดีขึ้น
***สศค.สัมมนา "ฟื้นแล้วจริงหรือ”
วันนี้ (28 ส.ค.) จัดสัมมนาเรื่อง “เศรษฐกิจไทยใกล้จะฟื้นตัวแล้วจริงหรือ” และ “ครบรอบ 1 ปี กฎหมายการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา” ที่โรงแรมวังใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมอภิปรายกับผู้ทรงคุณวุฒิเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของเศรษฐกิจไทย สัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก รวมถึงกลไกการส่งผ่านสู่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย เพื่อกำหนดยุทธศาสตร์และแนวทางในการรองรับการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเพิ่มโอกาสให้แก่เศรษฐกิจไทย และเป็นการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับหลักการ และสาระสำคัญของพระราชบัญญัติการดูแลผลประโยชน์ของคู่สัญญา พ.ศ. 2551 ให้ผู้เข้าร่วมการสัมมนาทราบถึงสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ แลกเปลี่ยนประสบการณ์ และแสดงความคิดเห็น เป็นสัมมนาวิชาการภายใต้ "โครงการขยายบทบาท สศค. สู่ภูมิภาค" ครั้งที่ 3 ของปีนี้ โดยครั้งแรกที่สมุทรสาคร และครั้งที่ 2 ที่มุกดาหาร
