ผู้ว่าธนาคารกลาง 2 ชาติ ไทย-มาเลย์ เชื่อมั่นระบบการเงินมีความมั่งคง ยันแข็งแกร่งเพียงพอ รองรับผลกระทบวิกฤต ศก.โลกได้
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย ได้เป็นประธานร่วมในการประชุมทวิภาคีประจำปีระหว่างผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางทั้งสอง เพื่อประเมินและทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินในปัจจุบัน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประสบการณ์ การดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลผลกระทบของวิกฤติการเงินโลก และการหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศทั้งสองและภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ธนาคารกลางทั้งสองเห็นร่วมกันว่าระบบการเงินและการธนาคารของทั้งสองประเทศมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง สามารถที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างเพียงพอ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบการเงินมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับผลกระทบจากวิกฤติต่าง ๆ และดำเนินงานได้ตามปกติ คือ สถาบันการเงินต้องมีฐานะการเงินที่มั่นคง มีเงินกองทุนที่เพียงพอ มีการบริหารจัดการความเสี่ยงและธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งทั้งสองธนาคารกลางมีความเห็นว่า แนวทางที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการประเมินความสามารถของรัฐบาลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันการเงินนั้น อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องต่อสาธารณชน และทำให้สถาบันการเงินดำเนินงานอย่างมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางของทั้งสองประเทศเห็นร่วมกันว่า การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเงินในระดับทวิภาคีและการร่วมกันศึกษาแนวทางใหม่ๆ ด้านธุรกรรมของสถาบันการเงินให้มากขึ้น จะช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียให้ดียิ่งขึ้น
นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และ Dr. Zeti Akhtar Aziz ผู้ว่าการธนาคารกลางมาเลเซีย ได้เป็นประธานร่วมในการประชุมทวิภาคีประจำปีระหว่างผู้บริหารระดับสูงของธนาคารกลางทั้งสอง เพื่อประเมินและทบทวนสถานการณ์เศรษฐกิจการเงินในปัจจุบัน รวมทั้งแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ประสบการณ์ การดำเนินนโยบายและมาตรการต่าง ๆ เพื่อดูแลผลกระทบของวิกฤติการเงินโลก และการหดตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและระบบการเงินของประเทศทั้งสองและภูมิภาคเอเชีย
ทั้งนี้ ธนาคารกลางทั้งสองเห็นร่วมกันว่าระบบการเงินและการธนาคารของทั้งสองประเทศมีความมั่นคงและแข็งแกร่ง สามารถที่จะปล่อยสินเชื่อให้แก่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างเพียงพอ โดยปัจจัยสำคัญที่ทำให้ระบบการเงินมีความแข็งแกร่งและสามารถรองรับผลกระทบจากวิกฤติต่าง ๆ และดำเนินงานได้ตามปกติ คือ สถาบันการเงินต้องมีฐานะการเงินที่มั่นคง มีเงินกองทุนที่เพียงพอ มีการบริหารจัดการความเสี่ยงและธรรมาภิบาลที่ดี ซึ่งทั้งสองธนาคารกลางมีความเห็นว่า แนวทางที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือในต่างประเทศ ที่ให้ความสำคัญกับการประเมินความสามารถของรัฐบาลที่จะให้ความช่วยเหลือแก่สถาบันการเงินนั้น อาจเป็นการส่งสัญญาณที่ไม่ถูกต้องต่อสาธารณชน และทำให้สถาบันการเงินดำเนินงานอย่างมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ผู้ว่าการธนาคารกลางของทั้งสองประเทศเห็นร่วมกันว่า การเสริมสร้างความร่วมมือด้านการเงินในระดับทวิภาคีและการร่วมกันศึกษาแนวทางใหม่ๆ ด้านธุรกรรมของสถาบันการเงินให้มากขึ้น จะช่วยให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจและการค้าของประเทศไทยและประเทศมาเลเซียให้ดียิ่งขึ้น
