xs
xsm
sm
md
lg

ไพรเวทฟันด์นิ่งนักลงทุนกังวลศก.โลก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กองทุนส่วนบุคคลยังนิ่ง แม้สัญญาณเศรษฐกิจกระเตื้อง "เอ็มเอฟซี" ระบุ นักลงทุนห่วงจุดจบเศรษฐกิจตกต่ำอีกยาว แม้ดาวน์ไซด์มีน้อยแล้ว แนะเงินยาว 2 ปี จับจังหวะลงทุนได้ แต่ยังต้องระมัดระวังด้วย ด้าน "ทิสโก้" เผย แนวโน้มดีขึ้น ลูกค้าไม่หยุดลงทุนแต่อย่างใด เหตุส่วนใหญ่ เข้าใจความเสี่ยงดี

นายพิชิต อัคราทิตย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือ MFC เปิดเผยว่า ในขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนในกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวทฟันด์) เพิ่มขึ้นหรือมีอะไรที่ผิดไปกว่าเดิม แม้ว่าสัญญาณการลงทุนต่างๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศจะดีขึ้นในระดับหนึ่งจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลก

ทั้งนี้ เนื่องจากนักลงทุนเองยังระมัดระวังการลงทุนอยู่ และถึงแม้ว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าดาวน์ไซด์ไม่น่าจะมีมาก เพราะดัชนีเองก็ลงมาเยอะ แต่คนก็ยังไม่แน่ใจว่าผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกจะเยอะแค่ไหน

"ตอนนี้ นักลงทุนหลายคนมีการคาดการณ์ไปต่างๆ นาๆ ว่าต้องใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ที่เศรษฐกิจโลกจะฟื้นขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็น 2 ปี หรือ 3 ปี บางคนก็เปรียบเทียบไซเคิลจากเหตุการณ์ในอดีตที่ผ่านมา ทำให้ขณะนี้หลายคนยังกลัวการลงทุนอยู่"นายพิชิตกล่าว

อย่างไรก็ตาม หากมองถึงการลงทุนระยะยาวแล้ว จังหวะนี้ถือว่าเป็นจังหวะที่ลงทุนได้ โดยเฉพาะนักลงทุนที่มีเงินลงทุนยาว 2 ปีขึ้นไปซึ่งสามารถรอได้ เพราะเชื่อว่าปัจจุบัน คนไทยยังมีความมั่งคั่ง ยังมีเงินลงทุนอยู่ แต่มองไปข้างหน้าถึงรายได้และที่มาของเงินในอนาคตแล้ว อาจจะค่อนข้างลำบากและมีความไม่แน่นอน ทำให้หลายคนยังเก็บเงินลงทุนเอาไว้ก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต

นายพิชิตกล่าวว่า สำหรับแผนของบลจ.เอ็มเอฟซีเอง จะเน้นให้ความรู้และความเข้าใจกับนักลงทุนเป็นหลัก เพื่อให้เข้าใจว่าการลงทุนเองยังต้องใช้ความระมัดระวังอยู่ รวมถึงต้องลงทุนอย่างรอบคอบด้วย

ด้านนายธีรนาถ รุจิเมธาภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทิสโก้ จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันการลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลมีเข้ามาอยู่อย่างต่อเนื่อง เพราะผู้ลงทุนในกองทุสว่นบุคคลส่วนใหญ่ เป็นนักลงทุนรายใหญ่ซึ่งมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการลงทุนและรับความเสี่ยงได้อยู่แล้ว ซึ่งเราเอง ก็ได้มีการพูดคุยกับลูกค้าเหล่านี้อยู่ตลอดเวลาอยู่แล้ว ทำให้ไม่มีปัญหาความไม่เข้าใจกัน ซึ่งนักลงทุนเหล่านี้เองค่อนข้างไว เพราะถ้าหุ้นตกจะรอดูสถานการณ์ก่อนและเริ่มลงทุน

สำหรับสินทรัพย์ที่เลือกลงทุน ก็มีทั้งการลงทุนตั้งแต่ตราสารหนี้ หรือบางกลุ่มก็สามารถรับความเสี่ยงหุ้นกู้ได้และลงทุนได้ทันที และบางส่วนก็มีการลงทุนในหุ้น รวมถึงลงทุนแบบสผมด้วย

"ถึงแม้ว่านักลงทุนจะไม่ให้น้ำหนักการลงทุนเต็ม 100% เพราะหลายอย่างยังไม่ชัดเจน แต่นักลงทุนก็ไม่ได้หยุดไปซะเลยทีเดียว เพราะทุกอย่างก็ดีขึ้นกว่าเดิมและเริ่มเห็นแสงสว่างบ้างแล้วจากมาตรการกระตุ้นเศรฐกิจของประเทศทั่วโลก ซึ่งนักลงทุนรายใหญ่เองที่มีหุ้นอยู่ในพอร์ต ก็คงไม่ขายหุ้นออกมา เพราะเขาเองคงเสียดาย ซึ่งเขาเองรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น "นายธรีนาถกล่าว

อย่างไรก็ตาม ในช่วงนี้ถือว่าเป็นจังหวะดีที่จะทยอยซื้อหุ้นเก็บสะสมเอาไว้ เพราะปัจจุบันตลาดหุ้นไทยเองให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยถึง 5-6% ซึ่งเทียบกับผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวแล้ว ดอกเบี้ยอยู่ที่ 3.5% ไม่ถึง 4% ทำให้นักลงทุนมองว่า การลงทุนในหุ้นยังเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าอยู่

นางสาวศรีเนตร ฤทธิรงค์ ประธานเจ้าหน้าที่สายงานการตลาด บลจ. พรีมาเวสท์ กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทจะเน้นทำการตลาดในส่วนของกองทุนส่วนบุคคล (ไพรเวทฟันด์) มากขึ้น โดยมีเป้าหมายอยู่ 2 ส่วนคือ การเพิ่มตัวแทนขายจากฐานเดิมที่มีอยู่แล้ว ขณะเดียวกัน ยังมีแผนเพิ่ม IP อิสระ (Investment Planner) อีกประมาณ 3-5 ราย เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้นจากปัจจุบัน ซึ่งในส่วนนี้ ได้เริมต้นไปบ้างแล้วในเดือนนี้

ทั้งนี้ ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลเอง มีโพรดักส์บางตัวที่น่าสนใจ และไม่มีความซับซ้อนอย่างกองทุนรวมทั่วไป ดังนั้น จึงเชื่อว่าในปีนี้ กองทุนส่วนบุคคลจะขยายตัวได้เช่นกัน

โดยปัจจุบัน บลจ.พรีมาเวสท์ มีสินทรัพย์ในส่วนของกองทุนส่วนบุคคลอยู่ที่ 289.11 ล้านบาท จากจำนวนกองทุนทั้งหมด 3 กองทุน ส่วนตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบในเดือนมกราคม 2552 พบว่า ทั้งอุตสาหกรรมมีเงินลงทุนลดลงรวมกันทั้งสิ้น 21,582.15 ล้านบาท ทำให้เดือนแรกของปี กองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบมีสินทรัพย์รวม 146,694.81 ล้านบาท ลดลงจากจำนวนเงินทั้งระบบ 168,276.96 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา

ด้านรายงานข่าวจากบริษัทผู้จัดการกองทุนส่วนบุคคล เปิดเผยถึงตัวเลขเงินลงทุนในกองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบในเดือนมกราคม 2552 ว่า ทั้งอุตสาหกรรมมีเงินลงทุนลดลงรวมกันทั้งสิ้น 21,582.15 ล้านบาท ทำให้เดือนแรกของปี กองทุนส่วนบุคคลทั้งระบบมีสินทรัพย์รวม 146,694.81 ล้านบาท ลดลงจากจำนวนเงินทั้งระบบ 168,276.96 ล้านบาทในช่วงปลายปี 2551 ที่ผ่านมา
 
โดยจากรายงานดังกล่าวพบว่า บริษัทจัดการที่อยู่ในอันดับต้นๆ 5 อันดับแรก ต่างมีสินทรัพย์ลดลงทั้งสิ้น โดยบลจ.กสิกรไทย ซึ่งมีมาร์เกตแชร์เป็นอันดับ 1 มีสินทรัพย์ลดลงถึง 5,272.42 ล้านบาท อันดับ 2 บลจ.วรรณ มีสินทรัพย์ลดลง 5,058.43 ล้านบาท อันดับ 3.. บลจ.เอ็มเอฟซี สินทรัพย์ลดลงรวมทั้งสิ้น 5,059.43 ล้านบาท อันดับ 4. บลจ.ทิสโก้ สินทรัพย์ลดลง 4,553.70 ล้านบาท และอันดับ 5.บลจ.ไอเอ็นจี มีสินทรัพย์ลดลงรวมกันกว่า 579.77 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น