เอกชน ชี้ เช็คฟรี 2 พันใช้ยาก เงินไม่หมุนในระบบ แนะรัฐแตกคูปองกระตุ้นจับจ่าย พร้อมจี้กำหนดเป้าหมายการกระจายเม็ดเงิน 2 หมื่นล้าน ให้ชัดเจน หวั่นขาดประสิทธิภาพ “เสี่ยตัน โออิชิ” เปิดโปรโมชันช่วยชาติ โปะเพิ่มเพิ่มให้อีก 2 พัน หวังดึงลูกค้าเข้าร้านพุ่งเท่าตัว
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้จัดการ บริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโดยภาครัฐจ่ายเช็คจำนวน 2,000 บาท ให้ผู้มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจะมีการจ่ายได้จริงในเดือนนี้ โดยระบุว่า ภาคเอกชนที่สนใจสนับสนุนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ อยากให้ภาครัฐแสดงความชัดเจน เพื่อให้เอกชนมีความมั่นใจในการเข้าร่วมโครงการ
นายตัน ยังระบุว่า ตอนนี้ภาพรวมความเคลื่อนไหวของภาคเอกชนเงียบมาก หากเปรียบเทียบกับไต้หวันที่ไปดูงานแตกต่างกันมาก เนื่องจากมาตรการแจกคูปองของไต้หวัน จำนวน 3,600 บาท แจกให้ประชาชนทุกคน และภาคเอกชนเข้าร่วมแคมเปญอย่างพร้อมเพรียง เช่น ห้างค้าปลีกจัดรถมารับประชาชนให้เข้าไปชอปปิ้ง ซึ่งความร่วมมือดังกล่าวส่งผลให้ธุรกิจเติบโต 2-3 เท่าตัว
นอกจากนี้ ภาคเอกชน ยังมองว่า การใช้เช็คเพื่อใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้เกิดประสิทธิภาพ และกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว รัฐบาลควรให้มีการแตกย่อยเช็คที่แจกให้ประชาชนเกิดความสะดวก
“ผมมองว่า ตอนนี้ประชาชนค่อนข้างมีอุปสรรคเกี่ยวกับการใช้เช็ค และควรสร้างความชัดเจนเพื่อให้เอกชนเข้าร่วม เพราะหากไม่มีเอกชนเข้าร่วม เม็ดเงินจำนวน 20,000 ล้านบาท ที่ภาครัฐจะนำออกมาอัดฉีดเศรษฐกิจให้เกิดเงินหมุนเวียนจะไม่เกิดประโยชน์”
นายตัน ระบุเพิ่มเติมว่า ในส่วนภาคเอกชนที่จะได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ประกอบด้วย ธุรกิจโมเดิร์นเทรด ร้านอาหาร ท่องเที่ยว และสื่อต่างๆ
นายตัน ยังกล่าวถึงแคมเปญ “โปรโมชันช่วยชาติกับโออิชิกรุ๊ป” โดยระบุว่า โออิชิจะมอบสิทธิพิเศษให้อีก 2,000 บาท สำหรับลูกค้าที่ใช้เช็ค 2,000 บาท ของภาครัฐภายในร้านอาหารในเครือที่มีกว่า 100 สาขา ด้วยการมอบบัตรแทนเงินสดรับประทานอาหารจำนวน 4,000 บาท ให้ลูกค้า ซึ่งคูปองมีมูลค่า 500 บาท และ 250 บาท นอกจากนี้ สามารถทอนเป็นเงินสดให้ลูกค้าได้หากยอดซื้อไม่ถึง 2,000 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 1-30 เม.ย.นี้
ทั้งนี้ บริษัทต้องเตรียมบัตรแทนเงินสดจำนวน 400 ล้านบาท และหลังจบแคมเปญคาดมียอดขายเพิ่มขึ้น 1 เท่าตัว และหากไม่มีเอกชนรายอื่นเข้าร่วม คาดว่า จะมียอดขายเติบโต 4-5 เท่าตัว เช่นเดียวกับช่วงเดือน เม.ย.ซึ่งถือเป็นช่วงที่มียอดขายเพิ่มขึ้นจากปกติอยู่ที่ประมาณ 200 ล้านบาท เนื่องจากเป็นช่วงที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน ขณะที่ภาพรวมรายได้สิ้นปีนี้อยู่ที่ 7,200 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อนที่มีรายได้ 6,000 ล้านบาท
