หนีไม่พ้นข่าวลือ! ล่าสุดบล.ยูโอบี เคย์เฮียน ส่งหนังสือขอซื้อกิจการถึงบล.บีฟิท แล้วคาดทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์ในช่วงมิถุนายนนี้ ส่วน BSEC เตรียมประชุมบอร์ดจันทร์หน้าหาข้อสรุปที่ไม่น่าจะมีปัญหา ตลอดทั้งวันรายย่อยแห่เข้าเก็งกำไรหุ้น หลังก่อนหน้านี้มใแรงซื้อต่อเนื่อง
นาย ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน)หรือ BSEC เปิดเผยว่า วานนี้ (19ก.พ.) บริษัทได้รับหนังสือจากบล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (UOBKH) เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger โดย Mr. Wee Ee-chao, Chairman ซึ่งเรื่องนี้บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ประธานคณะกรรมการบริษัททราบ พร้อมทั้งนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อพิจารณา
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว เริ่มขึ้นเมื่อบริษัทได้รับแจ้งจากนายวิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการได้รับหนังสือผ่านทางโทรสารจากบล.ยูโอบี เคย์เฮียน เมื่อวันที่ 18 ก.พ. จากนั้นจึงได้แจ้งมายังบริษัทโดยส่งหนังสือดังกล่าวผ่านทางโทรสาร แต่ปรากฏว่ารายละเอียดในหนังสือที่บริษัทได้รับนั้นมีข้อความไม่ชัดเจน และทางผู้บริหารของบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อ จาก UOBKH แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นาย วิษณุ ได้ติดต่อ นายประสิทธิ์ และ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อแจ้งให้ทราบและสอบถามข้อมูล โดยได้มอบหมายให้นาย เวทางค์ ดำเนินการประสานงานเพื่อติดตามที่มาของหนังสือและพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ส่วนขั้นตอนต่อไป เชื่อว่า UOBKH จะเข้ามาประเมินมูลค่าสินทรัพย์(Due Diligence)ของบล.บีฟิท โดยที่ผ่านมามีข่าวลือถึงการควบรวมดังกล่าวเกิดขึ้นจึงทำให้ราคาซื้อขายหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงเก็งกำไรรวมทั้งตลอดทั้งวันที่ผ่านมา โดย การควบรวมครั้งนี้ UOBKHจะได้ฐานลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่BSEC จะได้รับผลดีด้านค่าใช้จ่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า นาย วิคเตอร์ ยูน ตั๊ค ชอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้ส่งหนังสือแจ้งความจำนง (Letter of Intent) ให้กับบล.บีฟิท เกี่ยวกับการเสนอการควบรวมกิจการโดยจะเป็นการโอนธุรกิจหลักทรัพย์ สินทรัพย์ และพนักงานของบีฟิท (ยกเว้นใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบีฟิท) และ/หรือการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบีฟิท โดยผลสำเร็จของการเจรจาเพื่อหาแนวทางและการเจรจาควบรวมกิจการจะขึ้นอยู่กับผลของการตรวจสอบสถานะของกิจการเพื่อการพิจารณาและการเจรจาหาข้อสรุประหว่างบริษัทและบีฟิทเป็นสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบผลได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้
นาย ประสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บีฟิท จำกัด (มหาชน)หรือ BSEC เปิดเผยว่า วานนี้ (19ก.พ.) บริษัทได้รับหนังสือจากบล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (UOBKH) เรื่อง Proposed Brokerage Business Integration/Merger โดย Mr. Wee Ee-chao, Chairman ซึ่งเรื่องนี้บริษัทจะดำเนินการแจ้งให้ประธานคณะกรรมการบริษัททราบ พร้อมทั้งนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2552 เพื่อพิจารณา
ทั้งนี้เรื่องดังกล่าว เริ่มขึ้นเมื่อบริษัทได้รับแจ้งจากนายวิษณุ เครืองาม ประธานคณะกรรมการได้รับหนังสือผ่านทางโทรสารจากบล.ยูโอบี เคย์เฮียน เมื่อวันที่ 18 ก.พ. จากนั้นจึงได้แจ้งมายังบริษัทโดยส่งหนังสือดังกล่าวผ่านทางโทรสาร แต่ปรากฏว่ารายละเอียดในหนังสือที่บริษัทได้รับนั้นมีข้อความไม่ชัดเจน และทางผู้บริหารของบริษัทยังไม่ได้รับการติดต่อ จาก UOBKH แต่อย่างใด
ขณะเดียวกัน นาย วิษณุ ได้ติดต่อ นายประสิทธิ์ และ นายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เพื่อแจ้งให้ทราบและสอบถามข้อมูล โดยได้มอบหมายให้นาย เวทางค์ ดำเนินการประสานงานเพื่อติดตามที่มาของหนังสือและพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ
ส่วนขั้นตอนต่อไป เชื่อว่า UOBKH จะเข้ามาประเมินมูลค่าสินทรัพย์(Due Diligence)ของบล.บีฟิท โดยที่ผ่านมามีข่าวลือถึงการควบรวมดังกล่าวเกิดขึ้นจึงทำให้ราคาซื้อขายหุ้นกลุ่มหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้องปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงเก็งกำไรรวมทั้งตลอดทั้งวันที่ผ่านมา โดย การควบรวมครั้งนี้ UOBKHจะได้ฐานลูกค้ารายย่อยที่เพิ่มขึ้น ขณะที่BSEC จะได้รับผลดีด้านค่าใช้จ่าย
รายงานข่าวแจ้งว่า นาย วิคเตอร์ ยูน ตั๊ค ชอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ บริษัทได้ส่งหนังสือแจ้งความจำนง (Letter of Intent) ให้กับบล.บีฟิท เกี่ยวกับการเสนอการควบรวมกิจการโดยจะเป็นการโอนธุรกิจหลักทรัพย์ สินทรัพย์ และพนักงานของบีฟิท (ยกเว้นใบอนุญาตประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ของบีฟิท) และ/หรือการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบีฟิท โดยผลสำเร็จของการเจรจาเพื่อหาแนวทางและการเจรจาควบรวมกิจการจะขึ้นอยู่กับผลของการตรวจสอบสถานะของกิจการเพื่อการพิจารณาและการเจรจาหาข้อสรุประหว่างบริษัทและบีฟิทเป็นสำคัญ ซึ่งคาดว่าจะสามารถทราบผลได้ภายในสิ้นเดือนมิถุนายนปีนี้