แบล็ค เมาน์เทนฯจ่อลุยพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รอบสนามกอล์ฟสอง หากตลาดเปิดกว้าง คาดใช้เงินลงทุนกว่า 2,000 ล้านบาท มั่นใจการจัดงาน“แบล็ค เมาน์เทน มาสเตอร์ 2009”มี.ค.นี้ จะหนุนยอดขายอสังหาริมทรัพย์เฟสแรกเพิ่มขึ้น 70% ระบุผลของเงินบาทแข็งค่า ทำให้อสังหาริมทรัพย์ไทยราคาแพงขึ้น พร้อมปรับกลยุทธ์การตลาด หันเจาะลูกค้าคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง หลังกำลังซื้อของต่างชาติยังไม่ฟื้น
นายจตุพร เชื้อบางแก้ว กรรมการบริหาร บริษัท ไทยนอร์ดิค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นสนามกอล์ฟติดอันดับ 1 ใน 6ในภูมิภาคเอเชีย และติดอันดับ 2 ในประเทศไทย รองจากสนามกอล์ฟไทยคันทรี่ คลับ กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัท ว่า ขณะนี้สิ่งที่สำคัญคือการบริหารจัดการโครงการสนามกอล์ฟและอสังหาริมทรัพย์รอบสนามกอล์ฟ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนาโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด
ทั้งนี้ ในเฟสแรกสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ 70% ขณะที่แผนการตลาดคงต้องปรับเหมือนกัน จากเดิมการขายที่อยู่อาศัยจะเน้นลูกค้าต่างชาติถึง 80% ได้หันมาเน้นลูกค้าคนไทยที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ เพียงแต่รอจังหวะในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า
สำหรับแผนการพัฒนาที่ดินในเฟสที่สองนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนแผน ซึ่งยังไม่ลงตัว ประกอบกับรอดูสภาาวะเศรษฐกิจและการเมืองให้ดีขึ้นก่อน โดยตามแผนเดิมนั้น เฟสที่สองจะมีทั้งสนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุมฯ,บ้านเดี่ยว, คอนโดฯ ,โรงแรม และโรงเรียนนานาชาติ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องลงทุนในเรื่องระบบสาธารณูปโภคมากเท่าเฟสแรก
ส่วนเรื่องแหล่งเงินกู้ คงเป็นการกู้ยืมจากบริษัท แซมเกท อินเวสเม้นท์ จำกัด (ZAMGATE INVESTMENT) ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ในการทำโครงการแบล็ค เมาน์เทนฯ อย่างไรก็ตาม คงต้องมาวัดผลเรื่องยอดขายเฟสแรกว่าได้ตามที่วางไว้หรือไม่ เพราะถึงเวลาจ่ายดอกเบี้ยแล้ว
“โครงการแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน เดิมชื่อ “ควีน วัลเลย์” และได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบัน เกิดจากผมและเพื่อนๆตระเวนหาที่ดิน และคิดว่าบริเวณนี้น่าจะเหมาะในการรวบรวมที่ดินไว้สำหรับทำสนามกอล์ฟ จึงได้ทำแผนในรายละเอียดของการพัฒนาโครงการ และในช่วงปี 2546-2547 จึงนำเสนอแผนให้แก่หอการค้าไทย-สวีเดน เพื่อหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมดำเนินการ ซึ่งนายสตีก นอทล็อฟ เจ้าของบริษัท ZAMGATE ทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ BIG MATT ที่มีสาขาอยู่ในประเทศสวีเดน 20-30 สาขา(คล้ายๆกับโฮมโปรของไทย) เห็นถึงศักยภาพของที่ดินและโอกาสในการทำตลาด จึงร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทฯขึ้นมา โดยผมถือหุ้น 70% และนายสตีก ถือหุ้น 30% โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ในการจัดทำโครงการในเบื้องต้น 1,600 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยลอยตัวไม่เกิน MLR1.5%”
นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาโครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 เฟสบนเนื้อที่รวม 1,300 ไร่ ซึ่งในเฟสแรกพัฒนาในรูปแบบของสนามกอล์ฟ 500 ไร่ ซึ่งจะเปิดให้บริการครบ 2 ปีในเดือนเมษายนนี้ ,บ้านเดี่ยวพร้อมสระว่ายน้ำริมสนามกอล์ฟ จำนวน 15 ยูนิต ขนาด 200- 300 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 600 ตร.ม. ราคา 43-48 ล้านบาท มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท มีมูลค่าขายประมาณ 500-600 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 50% ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% และ คอนโดฯจำนวน 74 ยูนิต ขนาด 140- 317 ตร.ม. ราคา 8.9-26.8 ล้านบาท มูลค่าการลงทุน 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 30% ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จ 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2552 นี้เพื่อให้ทันการแข่งขัน “แบล็ค เมาน์เทน มาสเตอร์ 2009” ซึ่งจะมีนักกอล์ฟจากทั่วโลกประมาณ 154 คนมาร่วมแข่งขัน คาดว่าหลังการแข่งขันดังกล่าวจะมียอดขายเพิ่มเป็น 70% ซึ่งเป็นเป้ายอดขายทั้งปีของบริษัท
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อบ้านเดี่ยวและคอนโดฯในโครงการจะได้รับฟรีเมมเบอร์ ตลอดชีพ โดย 1 ยูนิตได้รับ 4 เมมเบอร์ พร้อมโปรโมชันส่วนลดค่ากรีนฟี ราคา 2,500 บาท/ครั้ง ซึ่งมีผลถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นอาจปรับราคาลงมาอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนบุคคลภายนอกจะเสียค่ากรีนฟี ราคา 3,000 บาท/ครั้ง
“หากยอดขายคอนโดฯดี เรายังมีที่ดินข้างเคียงในเฟสแรกที่จะสามารถเปิดคอนโดฯได้อีก 2 อาคาร ซึ่งคงต้องรอดูตลาดสัก1-2 ปี ”
นายจตุพร กล่าวว่า โครงการแบล็ค เมาน์เทนฯหากทำการพัฒนาจนครบ ทั้งโครงการจะมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในส่วนเฟสแรกมูลค่าทางบัญชีประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่มีมูลค่าขายประมาณ 4,000 ล้านบาท
สำหรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทนั้น นายจตุพรกล่าวว่า มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าต่างชาติเช่นกัน เนื่องจากในช่วงก่อนเกิดวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐฯ ค่าเงินของสวีเดนอ่อนลงไปประมาณ 20-30% ซึ่งส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในไทยในรูปของเงินบาทแพงขึ้น
อนึ่ง บ้านเดี่ยว ได้พัฒนาในนามบริษัท แบล็ค เมาน์เทน รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 40.6 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯพัฒนา ในนาม บริษัท บี เอ็ม จี ซัมเมอร์คลับ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 33.4 ล้านบาท ซึ่ง บริษัท ไทยนอร์ดิค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้น 100% โดยปัจจุบันไทยนอร์ดิคฯมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ออกแบบการก่อสร้างโดยบริษัท ราฟา อาคิเทค จำกัด ส่วนสนามกอล์ฟออกแบบโดยบริษัท แปซิฟิก โคสท์ จำกัด (จากประเทศออสเตรเลีย)
นายจตุพร เชื้อบางแก้ว กรรมการบริหาร บริษัท ไทยนอร์ดิค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ผู้พัฒนาโครงการแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน ที่ได้รับการจัดอันดับเป็นสนามกอล์ฟติดอันดับ 1 ใน 6ในภูมิภาคเอเชีย และติดอันดับ 2 ในประเทศไทย รองจากสนามกอล์ฟไทยคันทรี่ คลับ กล่าวถึงแผนการลงทุนของบริษัท ว่า ขณะนี้สิ่งที่สำคัญคือการบริหารจัดการโครงการสนามกอล์ฟและอสังหาริมทรัพย์รอบสนามกอล์ฟ เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้า โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการปรับเปลี่ยนแผนการพัฒนาโครงการเพื่อให้สอดคล้องกับสภาพตลาด
ทั้งนี้ ในเฟสแรกสามารถดำเนินการตามแผนที่วางไว้ได้ 70% ขณะที่แผนการตลาดคงต้องปรับเหมือนกัน จากเดิมการขายที่อยู่อาศัยจะเน้นลูกค้าต่างชาติถึง 80% ได้หันมาเน้นลูกค้าคนไทยที่เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงมากขึ้น เนื่องจากลูกค้ากลุ่มดังกล่าวไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจ เพียงแต่รอจังหวะในการซื้ออสังหาริมทรัพย์ให้ได้ตามความต้องการของลูกค้า
สำหรับแผนการพัฒนาที่ดินในเฟสที่สองนั้น ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปรับเปลี่ยนแผน ซึ่งยังไม่ลงตัว ประกอบกับรอดูสภาาวะเศรษฐกิจและการเมืองให้ดีขึ้นก่อน โดยตามแผนเดิมนั้น เฟสที่สองจะมีทั้งสนามกอล์ฟ ขนาด 18 หลุมฯ,บ้านเดี่ยว, คอนโดฯ ,โรงแรม และโรงเรียนนานาชาติ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท เนื่องจากไม่ต้องลงทุนในเรื่องระบบสาธารณูปโภคมากเท่าเฟสแรก
ส่วนเรื่องแหล่งเงินกู้ คงเป็นการกู้ยืมจากบริษัท แซมเกท อินเวสเม้นท์ จำกัด (ZAMGATE INVESTMENT) ซึ่งเป็นผู้ปล่อยเงินกู้ในการทำโครงการแบล็ค เมาน์เทนฯ อย่างไรก็ตาม คงต้องมาวัดผลเรื่องยอดขายเฟสแรกว่าได้ตามที่วางไว้หรือไม่ เพราะถึงเวลาจ่ายดอกเบี้ยแล้ว
“โครงการแบล็ค เมาน์เทน กอล์ฟ คลับ หัวหิน เดิมชื่อ “ควีน วัลเลย์” และได้เปลี่ยนมาเป็นชื่อปัจจุบัน เกิดจากผมและเพื่อนๆตระเวนหาที่ดิน และคิดว่าบริเวณนี้น่าจะเหมาะในการรวบรวมที่ดินไว้สำหรับทำสนามกอล์ฟ จึงได้ทำแผนในรายละเอียดของการพัฒนาโครงการ และในช่วงปี 2546-2547 จึงนำเสนอแผนให้แก่หอการค้าไทย-สวีเดน เพื่อหาพันธมิตรทางธุรกิจเข้ามาร่วมดำเนินการ ซึ่งนายสตีก นอทล็อฟ เจ้าของบริษัท ZAMGATE ทำธุรกิจเกี่ยวกับวัสดุก่อสร้างภายใต้แบรนด์ BIG MATT ที่มีสาขาอยู่ในประเทศสวีเดน 20-30 สาขา(คล้ายๆกับโฮมโปรของไทย) เห็นถึงศักยภาพของที่ดินและโอกาสในการทำตลาด จึงร่วมทุนและจัดตั้งบริษัทฯขึ้นมา โดยผมถือหุ้น 70% และนายสตีก ถือหุ้น 30% โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้ในการจัดทำโครงการในเบื้องต้น 1,600 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยลอยตัวไม่เกิน MLR1.5%”
นายจตุพร กล่าวต่อไปว่า การพัฒนาโครงการดังกล่าวจะแบ่งออกเป็น 2 เฟสบนเนื้อที่รวม 1,300 ไร่ ซึ่งในเฟสแรกพัฒนาในรูปแบบของสนามกอล์ฟ 500 ไร่ ซึ่งจะเปิดให้บริการครบ 2 ปีในเดือนเมษายนนี้ ,บ้านเดี่ยวพร้อมสระว่ายน้ำริมสนามกอล์ฟ จำนวน 15 ยูนิต ขนาด 200- 300 ตรว. พื้นที่ใช้สอย 600 ตร.ม. ราคา 43-48 ล้านบาท มูลค่าลงทุน 300 ล้านบาท มีมูลค่าขายประมาณ 500-600 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้วประมาณ 50% ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จ 100% และ คอนโดฯจำนวน 74 ยูนิต ขนาด 140- 317 ตร.ม. ราคา 8.9-26.8 ล้านบาท มูลค่าการลงทุน 500 ล้านบาท ขณะนี้มียอดขายแล้ว 30% ด้านการก่อสร้างแล้วเสร็จ 90% คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนมีนาคม 2552 นี้เพื่อให้ทันการแข่งขัน “แบล็ค เมาน์เทน มาสเตอร์ 2009” ซึ่งจะมีนักกอล์ฟจากทั่วโลกประมาณ 154 คนมาร่วมแข่งขัน คาดว่าหลังการแข่งขันดังกล่าวจะมียอดขายเพิ่มเป็น 70% ซึ่งเป็นเป้ายอดขายทั้งปีของบริษัท
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ซื้อบ้านเดี่ยวและคอนโดฯในโครงการจะได้รับฟรีเมมเบอร์ ตลอดชีพ โดย 1 ยูนิตได้รับ 4 เมมเบอร์ พร้อมโปรโมชันส่วนลดค่ากรีนฟี ราคา 2,500 บาท/ครั้ง ซึ่งมีผลถึงสิ้นเดือนมีนาคมนี้ หลังจากนั้นอาจปรับราคาลงมาอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ส่วนบุคคลภายนอกจะเสียค่ากรีนฟี ราคา 3,000 บาท/ครั้ง
“หากยอดขายคอนโดฯดี เรายังมีที่ดินข้างเคียงในเฟสแรกที่จะสามารถเปิดคอนโดฯได้อีก 2 อาคาร ซึ่งคงต้องรอดูตลาดสัก1-2 ปี ”
นายจตุพร กล่าวว่า โครงการแบล็ค เมาน์เทนฯหากทำการพัฒนาจนครบ ทั้งโครงการจะมีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านบาท และสามารถคืนทุนได้ภายในระยะเวลา 10 ปี ทั้งนี้ในส่วนเฟสแรกมูลค่าทางบัญชีประมาณ 2,000 ล้านบาท แต่มีมูลค่าขายประมาณ 4,000 ล้านบาท
สำหรับผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาทนั้น นายจตุพรกล่าวว่า มีผลต่อการตัดสินใจซื้อของลูกค้าต่างชาติเช่นกัน เนื่องจากในช่วงก่อนเกิดวิกฤตซับไพรม์ในสหรัฐฯ ค่าเงินของสวีเดนอ่อนลงไปประมาณ 20-30% ซึ่งส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในไทยในรูปของเงินบาทแพงขึ้น
อนึ่ง บ้านเดี่ยว ได้พัฒนาในนามบริษัท แบล็ค เมาน์เทน รีสอร์ท แอนด์ คันทรี คลับ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 40.6 ล้านบาท ส่วนคอนโดฯพัฒนา ในนาม บริษัท บี เอ็ม จี ซัมเมอร์คลับ จำกัด ด้วยทุนจดทะเบียน 33.4 ล้านบาท ซึ่ง บริษัท ไทยนอร์ดิค พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ถือหุ้น 100% โดยปัจจุบันไทยนอร์ดิคฯมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 12 ล้านบาท ออกแบบการก่อสร้างโดยบริษัท ราฟา อาคิเทค จำกัด ส่วนสนามกอล์ฟออกแบบโดยบริษัท แปซิฟิก โคสท์ จำกัด (จากประเทศออสเตรเลีย)