xs
xsm
sm
md
lg

เหรียญ 2 บาท ชนิดใหม่ เริ่มใช้วันนี้ “ธนารักษ์” แนะ ปชช.ดูจุดสังเกต

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ธนารักษ์ เตรียมผลิตเหรียญกษาปณ์ชุดใหม่ 9 ชนิดราคา เข้าสู่ระบบ ยันรูปแบบ-ลวดลายยังเหมือนเดิม แต่ปรับปรุงให้สวยงามขึ้น หลังพบต้นทุนผลิตสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ ยกตัวอย่างเหรียญบางชนิดใช้ยาก เพราะมีขนาด-สีใกล้เคียงกัน เตรียมนำเหรียญ 2 บาท เข้าสู่ระบบวันนี้ เผย ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางยังคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากไส้เหล็กชุบนิกเกิล (สีขาว) เป็นโลหะอะลูมิเนียมบรอนซ์ (สีทอง) น้ำหนักลดลงจาก 4.40 กรัม เป็น 4.00 กรัม และความหนาลดลงจาก 1.70 มิลลิเมตร เป็น 1.50 มิลลิเมตร

นพ.พฤฒิชัย ดำรงรัตน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงความคืบหน้าในการออกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ โดยระบุเหตุผลว่า เนื่องจากราคาโลหะที่ใช้ในการผลิตเหรียญกษาปณ์ในตลาดโลกสูงขึ้นมาก โดยเหรียญกษาปณ์หลายชนิดราคามีต้นทุนการผลิตสูงกว่าราคาหน้าเหรียญ และเหรียญบางชนิดราคามีขนาดและสีใกล้เคียงกัน ทำให้ยากต่อการใช้

นพ.พฤฒิชัย กล่าวว่า กรมธนารักษ์จึงได้จัดทำโครงการออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ ทั้ง 9 ชนิดราคา โดยมีการปรับปรุงโลหะและลักษณะของเหรียญ เพื่อปรับต้นทุนในการผลิตให้มีความเหมาะสม สะดวกต่อการใช้สอย แต่ยังคงไว้ซึ่งความสวยงาม และยากต่อการปลอมแปลงมากขึ้น ซึ่งการจัดทำเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่มีรูปแบบและลวดลายเช่นเดิม แต่ปรับปรุงให้สวยงามมากขึ้น

ส่วนรายละเอียดคุณลักษณะเฉพาะของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ มีความแตกต่างในสาระสำคัญจากเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดปัจจุบัน คือ เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 1 สตางค์ และ 10 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนักคงเดิม แต่เปลี่ยนส่วนผสมของโลหะจากอะลูมิเนียมร้อยละ 97 เป็นร้อยละ 99 เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 สตางค์ น้ำหนักคงเดิม แต่เปลี่ยน เส้นผ่าศูนย์กลางจาก 16.00 มิลลิเมตร เป็น 16.50 มิลลิเมตร ความหนาลดลงจาก 1.40 มิลลิเมตร เป็น 1.35 มิลลิเมตร และเปลี่ยนส่วนผสมของโลหะจากอะลูมิเนียมร้อยละ 97 เป็นร้อยละ 99

เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 25 สตางค์ และ 50 สตางค์ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนักคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากอะลูมิเนียมบรอนซ์ (สีทอง) เป็นโลหะไส้เหล็กชุบทองแดง เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 1 บาท เส้นผ่าศูนย์กลางและความหนาคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากคิวโปรนิกเกิล เป็นโลหะไส้เหล็กชุบนิกเกิล และน้ำหนักลดลงจาก 3.40 กรัม เป็น 3.00 กรัม

ส่วนเหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 2 บาท เส้นผ่าศูนย์กลางคงเดิม แต่เปลี่ยนชนิดของโลหะจากไส้เหล็กชุบนิกเกิล (สีขาว) เป็นโลหะอะลูมิเนียมบรอนซ์ (สีทอง) น้ำหนักลดลงจาก 4.40 กรัม เป็น 4.00 กรัม และความหนาลดลงจาก 1.70 มิลลิเมตร เป็น 1.50 มิลลิเมตร เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 5 บาท โลหะ เส้นผ่าศูนย์กลางคงเดิม แต่ความหนาลดลงจาก 2.20 มิลลิเมตร เป็น 1.75 มิลลิเมตร และน้ำหนักลดลงจาก 7.50 กรัม เป็น 6.00 กรัม เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 10 บาท โลหะ เส้นผ่าศูนย์กลาง ความหนา และน้ำหนักคงเดิม

สำหรับการนำออกใช้เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่นี้ จะเริ่มออกใช้เหรียญกษาปณ์ชนิดราคา 2 บาทก่อนเป็นลำดับแรก ตั้งแต่วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2552 เป็นต้นไป ส่วนเหรียญกษาปณ์ชนิดราคาอื่นๆ จะทยอยนำออกจ่ายแลกต่อไป

นพ.พฤฒิชัย กล่าวอีกว่า เหรียญกษาปณ์รูปแบบใหม่ที่จะนำออกสู่ระบบในวันนี้ เป็นเหรียญ 2 บาท จึงเตือนให้ประชาชนสังเกตเหรียญดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน จากนั้นภายในเดือนนี้จะเริ่มกระจายเหรียญ 25 สตางค์ และเหรียญ 50 สตางค์

ส่วนเหรียญ 5 บาท จะออกสู่ระบบภายในเดือนเมษายน 2552 เหรียญ 10 บาท ออกสู่ระบบเดือน มิถุนายน 2552 และเหรียญ 1 บาท ออกสู่ระบบเดือน กันยายน 2552 จะผลิตเหรียญรูปแบบใหม่ออกสู่ระบบจำนวน 1,956 ล้านเหรียญ โดยเหรียญด้านหน้าเป็นพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงเจริญพระชนมพรรษาปัจจุบัน

ส่วนปัญหาที่คาดว่า จะมีการขาดแคลนเหรียญกษาปณ์ โดยเฉพาะเหรียญบาทนั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กรมธนารักษ์จะเร่งผลิตเหรียญบาทเข้าสู่ระบบเพิ่มเติม คาดว่าจะผลิตในเดือนกันยายน 2552 เนื่องจากมีเหรียญบาทในปัจุบันประมาณ 9,900 ล้านเหรียญ จากเหรียญทุกประเภทในระบบมี 17,500 ล้านเหรียญ
กำลังโหลดความคิดเห็น