ตลาดหลักทรัพย์ฯแจงไม่ต่ออายุการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในปี53 หวังกระตุ้นบริษัทเข้าจดทะเบียนภายในปี 52 หวั่นหุ้นไอพีโอเลื่อนเทรดเหมือนปี51 จากภาวะตลาดไม่เอื้อ แจงปีนี้มีบริษัทสนใจเข้าซื้อขายเตรียมยื่นไฟลิ่งอีก 30 บริษัท หลังจากปีก่อนยื่นไฟลิ่งแล้ว 28 บริษัท "ภัทรียา" มั่นใจปีนี้บริษัทเข้าเทรดตามเป้า46 แห่ง
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่ขอกระทรวงการคลังต่ออายุการให้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในปี 53 จากเดิมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่เข้าจดทะเบียนภายในปี 52 เนื่องจาก ต้องการให้บริษัทที่สนใจเข้ามาจดทะเบียนภายในปีนี้ ซึ่งหากมีการต่ออายุอีกก็จะทำให้บริษัทที่สนใจเลื่อนการเข้าจดทะเบียนออกไป
ทั้งนี้ เนื่องจากปี 51 มีบริษัทที่ยื่นจองของสิทธิประโยชน์ทางภาษี 30 บริษัท ซึ่งได้เลื่อนการเข้าจดทะเบียนมาเป็นปี 52 จากภาวะตลาดไม่ดี โดยจำนวนดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว 28 บริษัท ซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว 14 บริษัท และคาดว่าในไตรมาส1/52นี้จะได้รับอนุมัติเพิ่มอีก 11 บริษัท รวมเป็น 25 บริษัท
สำหรับปี 52 มีผู้ยื่นจองที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก 30 บริษัท โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งและเข้าจดทะเบียนทันปีนี้ได้ประมาณ 15 บริษัท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งไว้ว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนปีนี้ 46 บริษัท
" จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะหมดภายในปี 52 นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่มีการขอกระทรวงการคลังให้ต่อเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก เพราะ ต้องการให้บริษัทที่สนใจเข้าจดทะเบียนให้เข้าซื้อขายภายในปี52 โดยหากมีการขอต่อเวลาให้สิทธิประโยชน์ก็จะทำให้บริษัทมีการเลื่อนออกไป แต่หลังจากนั้นก็จะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่เตรียมจะเข้าจดทะเบียนอีกหรือไม่ " นางภัทรียา กล่าว
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แล้ว 14 บริษัท โดยมีบริษัทที่ยืนยันที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯมาแล้ว 3 บริษัท คือ บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน) ส่วนอีก 2 บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งนี้ 14 บริษัทจะไม่สามารถเข้าซื้อขายได้ทันภายในไตรมาส1/52 แต่เชื่อว่าจะกระจายไปถึงไตรมาส2/52 เพราะทุกบริษัทอยู่ระหว่างรอภาวะตลาดหุ้นเอื้อต่อการเข้าจดทะเบียน จากการคาดหวังจากประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีของไทยที่จให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนที่ดีขึ้น และเชื่อว่าจะมีช่วงจังหวะที่ดีในการให้บริษัทเข้ามาจดทะเบียน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่ขอกระทรวงการคลังต่ออายุการให้ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีกับบริษัทที่กำลังจะเข้าจดทะเบียนในปี 53 จากเดิมที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่เข้าจดทะเบียนภายในปี 52 เนื่องจาก ต้องการให้บริษัทที่สนใจเข้ามาจดทะเบียนภายในปีนี้ ซึ่งหากมีการต่ออายุอีกก็จะทำให้บริษัทที่สนใจเลื่อนการเข้าจดทะเบียนออกไป
ทั้งนี้ เนื่องจากปี 51 มีบริษัทที่ยื่นจองของสิทธิประโยชน์ทางภาษี 30 บริษัท ซึ่งได้เลื่อนการเข้าจดทะเบียนมาเป็นปี 52 จากภาวะตลาดไม่ดี โดยจำนวนดังกล่าวได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)แล้ว 28 บริษัท ซึ่งได้รับอนุมัติแล้ว 14 บริษัท และคาดว่าในไตรมาส1/52นี้จะได้รับอนุมัติเพิ่มอีก 11 บริษัท รวมเป็น 25 บริษัท
สำหรับปี 52 มีผู้ยื่นจองที่จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก 30 บริษัท โดยคาดว่าจะยื่นไฟลิ่งและเข้าจดทะเบียนทันปีนี้ได้ประมาณ 15 บริษัท ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งไว้ว่าจะมีบริษัทเข้าจดทะเบียนปีนี้ 46 บริษัท
" จากสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะหมดภายในปี 52 นั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะไม่มีการขอกระทรวงการคลังให้ต่อเวลาให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอีก เพราะ ต้องการให้บริษัทที่สนใจเข้าจดทะเบียนให้เข้าซื้อขายภายในปี52 โดยหากมีการขอต่อเวลาให้สิทธิประโยชน์ก็จะทำให้บริษัทมีการเลื่อนออกไป แต่หลังจากนั้นก็จะมาพิจารณาอีกครั้งว่าจะขอสิทธิประโยชน์ทางภาษีแก่บริษัทที่เตรียมจะเข้าจดทะเบียนอีกหรือไม่ " นางภัทรียา กล่าว
นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการ กลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้มีบริษัทที่ได้รับอนุมัติให้สามารถเสนอขายหุ้นได้แล้ว 14 บริษัท โดยมีบริษัทที่ยืนยันที่จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯมาแล้ว 3 บริษัท คือ บริษัท แอปโซลูท อิมแพค จำกัด (มหาชน) ส่วนอีก 2 บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ทั้งนี้ 14 บริษัทจะไม่สามารถเข้าซื้อขายได้ทันภายในไตรมาส1/52 แต่เชื่อว่าจะกระจายไปถึงไตรมาส2/52 เพราะทุกบริษัทอยู่ระหว่างรอภาวะตลาดหุ้นเอื้อต่อการเข้าจดทะเบียน จากการคาดหวังจากประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ และนายกรัฐมนตรีของไทยที่จให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่จะสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุนที่ดีขึ้น และเชื่อว่าจะมีช่วงจังหวะที่ดีในการให้บริษัทเข้ามาจดทะเบียน
